ความล้มเหลวของ
แม้เป็นหนังที่หลายคนคาดหวัง แต่เมื่อหนังใหม่ดิสนีย์อย่าง The Lone Ranger ล้มเหลว ก็ทำให้คาดว่าต่อไป ดิสนีย์อาจจะเน้นหนังภาคต่อที่ทำกำไรได้ดี และหันหลังให้กับการสร้างสรรค์เรื่องราวใหม่ๆ แต่ใช้ทุนสูง
นักแสดงชั้นนำอย่าง จอห์นนี เด็ปป์ และผู้อำนวยการสร้างชื่อก้อง เจอร์รี บลัคไฮเมอร์ มาร่วมงานกัน แต่ The Lone Ranger หนังแนวคาวบอยตะวันตกที่คาดกันว่า จะทำให้ค่ายวอล์ต ดิสนีย์ขาดทุนประมาณร้อยถึงสองร้อยล้านดอลลาร์ และขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ที่ล้มเหลวทางรายได้มากที่สุดของปี เพราะทำเงินในช่วงวันหยุดยาวสหรัฐฯ ได้ไม่ถึง 50 ล้านดอลลาร์ จากทุนสร้างกว่า 225 ล้านดอลลาร์
ที่ผ่านมาดิสนีย์พยายามเปิดตัวภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องใหม่ๆ ที่ไม่ใช่ภาคต่อ แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังถึง 3 ปีติดต่อกัน ตั้งแต่ Mars Needs Moms แอนิเมชั่นปี 2011 ที่ขาดทุนกว่าร้อยล้านดอลลาร์ และJohn Carter หนังแอ็คชั่นไซไฟปีก่อน ก็ขาดทุนเกือบ 2 ร้อยล้านดอลลาร์ โดยผู้อยู่เบื้องหลังการอนุมัติผลงานทั้ง 3 เรื่องคือ ริค รอส อดีตประธานของ Walt Disney Studios ซึ่งลงจากตำแหน่งไปเมื่อปีก่อน เพื่อรับผิดชอบต่อการตัดสินใจที่ผิดพลาด
เหตุผลในการสร้างหนังที่มีเนื้อหาต้นตำรับของดิสนีย์ คือการพัฒนาไปสู่การผลิตหนังภาคต่อใหม่ๆ และโอกาสในการสร้างธีมปาร์คใหม่ๆ ในสวนสนุกของตน แต่ความสำเร็จยังจำกัดอยู่แต่หนังที่มีตัวละครที่แฟนหนังคุ้นเคยอยู่แล้ว ทั้ง Iron Man 3 หนังจากการ์ตูนของ Marvel ที่กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดของปีนี้ หรือ Monsters University งานภาคต่อของ Pixar ที่ทำเงินกว่า 4 ร้อยล้านดอลลาร์จากการฉายไม่ถึง 3 สัปดาห์
แม้ว่าอลัน ฮอร์น ประธานคนใหม่ของ Walt Disney Studios จะชื่นชอบการสร้างหนังเนื้อหาต้นตำรับ และยังคงอนุมัติการสร้างหนังที่ไม่ใช่ภาคต่อออกฉายอย่างต่อเนื่องในช่วง 18 เดือนที่จะถึงนี้ ทั้งหนังจากหนังสือเด็ก, หนังชีวิตนักกีฬาดัง รวมถึง Saving Mr. Banks ผลงานใหม่ของ ทอม แฮงค์ แต่บทเรียนความล้มเหลว ก็ทำให้ไม่มีผลงานหนังที่ไม่ใช่ภาคต่อเรื่องไหนได้รับการอนุมัติทุนสร้างสูงกว่า 75 ล้านดอลลาร์
ความล้มเหลวดังกล่าวยังทำให้ดิสนีย์หันมาเน้นกับโปรเจ็คท์หนังภาคต่อฟอร์มใหญ่เป็นหลัก ตั้งแต่ Star Wars ภาค 7Pirates of the Caribbean ภาค 5, The Muppets ภาค 2 รวมถึงการสร้างภาคต่อให้กับ The Avengers และการกลับมาของแอนิเมชั่น Finding Nemo โดยนักวิเคราะห์มองว่า หนังทุนสูงที่ตัวละครไม่เป็นที่คุ้นเคยของกลุ่มคนดูหนังอายุต่ำกว่า 30 ปีที่ผิดพลาดอย่างต่อเนื่อง น่าจะทำให้ดิสนีย์ไม่กล้าทุ่มทุนให้หนังเนื้อหาใหม่ๆ ไปอีกหลายปี