ธุรกิจกอล์ฟในไทย จุดสนใจนักลงทุนไทย-เทศ
ประเทศไทยมีจำนวนสนามกอล์ฟอยู่ประมาณ 200 กว่าแห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นสนามกอล์ฟของภาคเอกชนที่เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ประมาณ 160 แห่ง อีก 40 แห่งเป็นสนามกอล์ฟของหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ
สนามกอล์ฟของประเทศไทย เป็นที่สนใจของนักลงทุนชาวต่างชาติ เนื่องจากราคาค่าบริการสนามกอล์ฟในประเทศไทย ถูกกว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน ยกเว้นเวียดนาม พม่า หรือลาว ตลอดจนความนิยมในการเล่นกอล์ฟของต่างชาติมีมากขึ้น ธุรกิจสนามกอล์ฟยังคงมีแนวโน้มเติบโตในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ10 ตามกระแสนิยมกีฬากอล์ฟที่ยังมาแรงในกลุ่มนักกอล์ฟคนไทย โดยเฉพาะตลาดครอบครัว ทำให้ตลาดนักกอล์ฟคนไทยขยายตัวกว้างขวางครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่กลุ่มเยาวชนไปจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ
เรื่องนี้ นาย ดีเร็ก แม็คเคนซี่ย์ ผู้จัดการทั่วไปสนามสันติบุรีสมุย คันทรี คลับ ให้ข้อมูลกับไทยพีบีเอสว่า การที่ประเทศไทยต้องการจะยกระดับเป็นจุดหมายของนักกอล์ฟ หรือ Golf Destination จำเป็นต้องมีรายการแข่งขันและสนามแข่งขันที่ได้มาตรฐาน
นายแม็คเคนซี่ย์ กล่าวว่า ตอนนี้สเปน ยังเป็นผู้นำเรื่องศูนย์กลางกอล์ฟ แต่อีกสัก 2-3 ปี ประเทศไทย น่าจะพัฒนาจนแซงสเปน ได้ ซึ่งข้อได้เปรียบของไทย ไม่ใช่แค่เรื่องกอล์ฟอย่างเดียวแต่ได้เปรียบเรื่องของการท่องเที่ยวด้วย
ปัจจุบันการเติบโตของธุรกิจสนามกอล์ฟในภาคใต้ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดภูเก็ตที่มีสนามกอล์ฟอยู่ 6 สนาม และนำรายได้เข้าสู่จังหวัดได้ปีละประมาณ 500-600 ล้านบาท
นอกจากนี้นักลงทุนยังมองไปถึงจังหวัดอื่นๆไม่ว่าจะเป็น จังหวัดพังงา ที่มีกลุ่มทุนจากฮ่องกง มาซื้อกิจการสนามจากคนไทย แต่จุดนี้อาจจะมีปัญหาเรื่องราคาที่ดินในจังหวัดใหญ่ของภาคใต้ ซึ่งในอดีตใช้เงินลงทุนทำสนามประมาณ 100 ล้านบาทโดยไม่รวมค่าที่ดิน สำหรับปัจจุบันการลงทุนสนามกอล์ฟเป็นเรื่องยาก ต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และจะต้องมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่