วันนี้ (22 เม.ย.2568) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานร่วมศูนย์นโยบายและวิชาการ แถลงข่าวถึงกรณีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าไทย ว่า รัฐบาลต้องระวังในการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ เนื่องจากมีบันทึกของ ปธน.ทรัมป์ ฉบับลงวันที่ 13 ก.พ.2568 ที่ระบุว่า เพื่อทำให้ประเทศคู่ค้าลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ที่ไม่เป็นธรรม และลดการขาดดุลการค้า โดย สหรัฐฯ จะคำนวณอัตราภาษีของประเทศคู่ค้าซึ่งรวมถึงปัจจัยต่อไปนี้
- อัตราภาษีนำเข้าจริง ซึ่ง นายกฯ กล่าวว่า ไทยคิดภาษีนำเข้าเฉลี่ยไม่ถึงร้อยละ 10 ต่ำกว่า อัตราร้อยละ 72 ที่สหรัฐฯ อ้างอย่างมาก
- ภาษีอื่น ๆ ที่คิดจากสหรัฐฯ รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม
- การกีดกันที่ไม่ใช่อัตราภาษี รวมไปถึงการอุดหนุนส่งออก และกฎระเบียบที่สร้างภาระแก่สินค้าสหรัฐฯ
- การบริหารค่าเงินฝืนตลาด หรือ การกดค่าแรงต่ำเกินควร
- ข้อจำกัดด้านการเข้าถึงตลาด หรือข้อกีดกันอื่นที่ไม่เป็นธรรม
ล่าสุด ปธน.ทรัมป์ ได้บรรยายการกีดกันนอกเหนือจากภาษีนำเข้า ประกอบด้วย
- การบิดเบือนค่าเงิน
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ราคาส่งออกต่ำกว่าทุน
- มาตรฐานสินค้าเกษตรที่กีดกัน
- มาตรฐานด้านเทคนิคที่กีดกัน
- การละเมิดสิทธิทางปัญญา
- การสวมสิทธิ์เพื่อเลี่ยงภาษีสหรัฐฯ
ดังนั้น ในแรกเริ่มเจรจา จึงควรจะเรียกร้องให้ ทีมสหรัฐฯ แสดงตัวเลขชัดเจนเสียก่อนว่า กรณีของไทย สหรัฐฯ ได้คำนวณอัตราร้อยละ 72 แยกเป็นแต่ละปัจจัยข้างต้นเท่าใด
นายธีระชัย กล่าวต่อว่า รัฐบาลต้องระวังการปะปนด้านการเมืองและความมั่นคง เนื่องจากเป็นการเจรจาด้านการค้า จึงควรระวังไม่ให้การเจรจาขยายวงไปถึงข้อเรียกร้องในด้านการเมืองระหว่างประเทศซึ่งเป็นเรื่องผลประโยชน์หลักของชาติและความมั่นคงที่ไม่พึงจะนำมาใช้ในการเจรจาแลกเปลี่ยนทางการค้า
นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงรายได้ค้าบริการ เนื่องจากตัวเลขที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้นั้น เน้นขาดดุลการค้าเฉพาะด้านสินค้า แต่ในด้านการค้าบริการ สหรัฐฯ เกินดุลกับไทยจำนวนมาก และเป็นสัดส่วนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตสูง ดังนั้น จึงต้องมีการคำนึงถึงประโยชน์ของสหรัฐฯ ในด้านนี้ซึ่งนับวันมีแต่จะมากขึ้น โดยเฉพาะในอนาคตที่จะมีการใช้ปัญญาประดิษฐ์กันอย่างกว้างขวางมากขึ้น และต้องครอบคลุมนักลงทุนจากทุกชาติเนื่องจากประเทศไทยให้สิทธิ์ชาวต่างชาติมาลงทุนอุตสาหกรรมกันอย่างเสมอภาค
ผลที่ได้จากการเจรจาจึงจะต้องให้ครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมที่มีนักลงทุนจากทุกชาติ ไม่ว่านักลงทุนสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฯลฯ โดยไทยจะดูแลจัดให้มีการเพิ่มมูลค่าในขบวนการผลิตในไทยที่เหมาะสม
อ่านข่าวอื่น :
นายกฯ สั่งลดธงครึ่งเสา 3 วันถวายความอาลัย "โป๊ปฟรานซิส"
กวาดปัญหาขัดแย้งซุกใต้พรม นายกฯ เสียงแข็งยังไม่ปรับครม.
"สมยศ" โล่งใจศาลยกฟ้องคดี "บอส อยู่วิทยา" ให้กำลังใจอดีตอัยการ