"ญี่ปุ่น" ตั้งอยู่ใน "วงแหวนแห่งไฟ" (Ring of Fire) ซึ่งเป็นแนวรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวและสึนามิอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยแล้ว ญี่ปุ่นเผชิญกับแผ่นดินไหวที่สามารถรู้สึกได้ถึง 1,500 ครั้ง/ปี และในบางครั้งเหตุการณ์เหล่านี้ได้นำไปสู่โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ เช่น แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภูมิภาคโทโฮกุเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2554 ที่ตามมาด้วยสึนามิสูงถึง 40 เมตร คร่าชีวิตผู้คนกว่า 18,000 คน รวมถึงเด็กนักเรียนจำนวนมากที่ไม่สามารถหลบหนีได้ทัน
ความสูญเสียครั้งนั้นกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ผลักดันให้ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมและวิธีการป้องกันภัยพิบัติอย่างจริงจัง โดยหนึ่งในนั้นคือ "รันโดะเซรุ" หรือกระเป๋านักเรียนที่ถูกปรับปรุงให้กลายเป็นเครื่องมือช่วยชีวิต
จากเป้สะพายหลังสู่ชูชีพช่วยชีวิต
Japan Times เผยประวัติของ "รันโดะเซรุ" เป็นกระเป๋าสะพายหลังที่เด็กนักเรียนชั้นประถมในญี่ปุ่นใช้กันมานานกว่า 150 ปี เดิมทีถูกออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเป้ทหารของยุโรปในสมัยเมจิ มีลักษณะแข็งแรงทนทาน ทำจากหนังแท้หรือวัสดุสังเคราะห์คุณภาพสูง และมีน้ำหนักเบาเหมาะกับสรีระของเด็ก
แต่หลังจากเหตุการณ์สึนามิปี 2554 เผยให้เห็นจุดอ่อนของเด็ก ๆ ที่เผชิญน้ำท่วมอย่างไม่ทันตั้งตัว บริษัทต่าง ๆ เช่น "อุคุรัน" (Ukurun) ได้พัฒนารันโดะเซรุรุ่นพิเศษที่สามารถลอยน้ำได้ โดยกระเป๋านี้ผลิตจากวัสดุกันน้ำที่มีความหนาแน่นต่ำ ช่วยให้ลอยได้นานถึง 24-48 ชม. และรับน้ำหนักได้ถึง 50-70 กก. ขึ้นอยู่กับรุ่น เด็ก ๆ สามารถกอดกระเป๋าไว้เพื่อพยุงตัวในน้ำ หรือใช้เป็นทุ่นลอยน้ำชั่วคราวหากต้องรอความช่วยเหลือ

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
จากรายงานเรื่อง Japan's Disaster-Ready Innovations ระบุว่า นวัตกรรมนี้ได้รับการทดสอบในสถานการณ์จำลองหลายครั้ง โดยหนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าสนใจ เกิดขึ้นระหว่างการฝึกซ้อมที่โรงเรียนประถมใน จ.มิยางิ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยสึนามิ เด็ก ๆ ได้รับการสอนให้ถอดรันโดะเซรุออกจากหลังและใช้เป็นเครื่องช่วยพยุงตัวในสระน้ำจำลอง
ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่ากระเป๋านี้ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้จริง โดยเฉพาะในกรณีที่เด็กอาจถูกน้ำพัดพาไปจากจุดอพยพ
อย่างไรก็ตาม ภัยพิบัติของญี่ปุ่นไม่ได้หยุดอยู่แค่การพัฒนาอุปกรณ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฝึกอบรมเด็กนักเรียนให้มีความรู้และทักษะในการเอาตัวรอด
กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี หรือ MEXT ได้บรรจุหลักสูตรทักษะการเอาตัวรอดในโรงเรียน หรือ "Safety Education Guldelines for Schools" โรงเรียนทั่วประเทศญี่ปุ่นต้องจัดการฝึกซ้อมรับมือแผ่นดินไหวอย่างน้อย 1-2 ครั้ง/เทอม โดยเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ขั้นตอนพื้นฐาน เช่น "หลบ ซ่อน ป้อง" (Drop, Cover, Hold On)
หมายถึง การหลบใต้โต๊ะ ซ่อนตัวให้ปลอดภัย และปกป้องศีรษะด้วยมือหรือกระเป๋านักเรียน เมื่อการสั่นสะเทือนหยุดลง เด็ก ๆ จะถูกฝึกให้อพยพไปยังจุดรวมพลที่สูงและปลอดภัยตามเส้นทางที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
การฝึกซ้อมนี้ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับวัย โดยครูจะใช้สื่อการสอนที่ดึงดูดความสนใจ เช่น หนังสือการ์ตูนที่เล่าเรื่องราวของแผ่นดินไหว วิดีโออะนิเมชันที่สอนวิธีรับมือ หรือแอปพลิเคชันอย่าง "Nige Tore" (逃げトレ) ซึ่งพัฒนาโดยหน่วยงานป้องกันภัยพิบัติของญี่ปุ่น
แอปฯ นี้ช่วยให้เด็ก ๆ จำลองสถานการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ วางแผนเส้นทางหนีภัย และฝึกตัดสินใจในสถานการณ์ฉุกเฉิน วิธีการเหล่านี้ทำให้เด็ก ๆ เรียนรู้อย่างสนุกสนานและไม่รู้สึกหวาดกลัวจนเกินไป
นอกจากนี้ โรงเรียนบางแห่งยังแนะนำให้เด็ก ๆ เตรียม "ถุงฉุกเฉิน" (Emergency Kit) ที่บรรจุน้ำดื่ม อาหารแห้ง ผ้าห่มฉุกเฉิน ไฟฉาย และนกหวีด ซึ่งสามารถใส่ไว้ในช่องพิเศษของรันโดะเซรุได้ เพื่อให้เด็ก ๆ มีสิ่งของจำเป็นติดตัวตลอดเวลา ครูและผู้ปกครองยังร่วมมือกันจัดอบรมเพิ่มเติม เช่น การสอนให้เด็ก ๆ จำตำแหน่งของศูนย์พักพิงชั่วคราวในชุมชน หรือการฝึกใช้เข็มทิศและแผนที่ในกรณีที่ระบบสื่อสารล้มเหลว

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ในระดับชุมชน ผู้ปกครองจำนวนมากเริ่มหันมาสนใจรันโดะเซรุรุ่นลอยน้ำ แม้ว่าราคาจะสูงกว่ารุ่นธรรมดา (ประมาณ 10,000-15,000 เยน หรือราว 2,500-3,800 บาท) แต่ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นทำให้คุ้มค่า โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่าง จ.ชิบะ โทจิงิ หรือ โอกินาวะ รัฐบาลญี่ปุ่นเองก็สนับสนุนแนวคิดนี้ โดยจัดสรรงบประมาณให้โรงเรียนในเขตเสี่ยงภัยนำร่องใช้กระเป๋านักเรียนลอยน้ำ และส่งเสริมให้บริษัทต่าง ๆ พัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้องต่อไป
เหตุการณ์ในอดีตยังคงเป็นเครื่องเตือนใจให้ญี่ปุ่นไม่ประมาท โดยเฉพาะการคาดการณ์ถึง "แผ่นดินไหวครั้งใหญ่แห่งนังไก" (Nankai Trough Earthquake) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จาก JAXA และหน่วยงานอื่น ๆ เชื่อว่าอาจเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 2030 และอาจก่อให้เกิดสึนามิสูงถึง 30 เมตรในบางพื้นที่
การเตรียมความพร้อมตั้งแต่ระดับเด็กนักเรียนจึงเป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่ญี่ปุ่นหวังจะใช้ลดความสูญเสียให้ได้มากที่สุด ด้วยการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมอย่างรันโดะเซรุที่ลอยน้ำได้ และการฝึกอบรมที่ครอบคลุมตั้งแต่เยาว์วัย
ญี่ปุ่นกำลังสร้างแบบอย่างของสังคมที่พร้อมรับมือภัยพิบัติอย่างแท้จริง เด็ก ๆ ไม่เพียงเติบโตมาพร้อมความรู้ด้านวิชาการ แต่ยังมีทักษะการเอาตัวรอดที่ฝังลึกอยู่ในสายเลือด สะท้อนถึงปรัชญาของชาติที่ว่า การเตรียมพร้อมคือกุญแจสู่ความอยู่รอด

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ติดตามสถานการณ์ #แผ่นดินไหว ได้ที่ ทาง www.thaipbs.or.th/Earthquake
อ่านข่าวอื่น :
ประตูอัตโนมัติล็อกตายเมื่อไฟดับ ภัยเงียบที่มากับ "แผ่นดินไหว"
ทำไม "มนุษย์" ไม่สามารถทำนาย "การเกิดแผ่นดินไหว" ได้ ?
แผ่นดินไหว 8.2 เขย่าไทยวันนี้ รับมือ-เตรียมพร้อม อย่างไรให้รอด