เริ่มนับคะแนน โพลชี้ว่าที่นายกฯ เยอรมนี มาจากพรรคอนุรักษ์นิยม

เยอรมนีปิดหีบเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ขณะนี้อาสาสมัครเร่งนับคะแนน โดยผลสำรวจชี้ว่าว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะมาจากพรรคอนุรักษ์นิยมขวากลาง ขณะที่โดนัล ทรัมป์ และเบนจามิน เนทันยาฮู ออกมาแสดงความยินดี

อาสาสมัครในนครแฟรงก์เฟิร์ตของเยอรมนี ช่วยกันนับคะแนนจากบัตรเลือกตั้ง หลังหน่วยเลือกตั้งปิดหีบให้ลงคะแนนตั้งแต่เวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 24.00 น. ตามเวลาในไทย

เมื่อวานนี้ (23 ก.พ.2568) เยอรมนีเปิดคูหาให้ประชาชนไปลงคะแนนตั้งแต่เวลา 08.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ยาวไป 10 ชั่วโมง โดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่อายุมากกว่า18 ปี ประมาณ 59,200,000 คน จากประชากรในประเทศราว 83,000,000 คน ต้องออกไปลงคะแนนเสียงเลือกผู้แทน 630 คน เข้าทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ขณะนี้หลายพื้นที่กำลังเร่งนับคะแนนกันอย่างต่อเนื่อง

เยอรมนีจ่อได้นายกฯ จากพรรคอนุรักษ์นิยม

ขณะที่ผลสำรวจ หรือ exit polls ค่อนข้างชัดเจนว่าพรรคซีดียู ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมขวากลางมีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 ที่ร้อยละ 28.5 โดยฟรีดริช แมร์ซ วัย 69 ปี หัวหน้าพรรคซีดียู ออกมาเคลื่อนไหว ระบุว่า พรรคของเขาจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็วที่สุด

ผู้นำหลายประเทศทยอยออกมาแสดงความยินดีกับแมร์ซ ทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่ระบุผ่านทรูธ โซเชียลว่า ดูเหมือนว่าพรรคอนุรักษ์นิยมในเยอรมนีจะชนะการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่ทุกคนรอคอยมาอย่างยาวนาน เช่นเดียวกับในสหรัฐฯ ชาวเยอรมันเบื่อหน่ายกับปัญหาเรื่องพลังงานและการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเป็นประเด็นที่ครอบงำประเทศมาหลายปี

ขณะที่เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ที่ระบุว่า รอจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลชุดต่อไปของแมร์ซ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยก่อนหน้านี้แมร์ซได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้มาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้น เพื่อต่อต้านลัทธิต่อต้านชาวยิว ปกป้องชุมชนชาวยิว และรับรองความปลอดภัยของอิสราเอล

การเลือกตั้งเยอรมนีที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้ ถือเป็นการเลือกตั้งก่อนกำหนดเดิมที่เคยวางไว้ช่วงเดือน ก.ย.2568 เนื่องจากโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีจากพรรคเอสพีดี ไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้ หลังพ่ายมติไม่ไว้วางใจและพรรคร่วมรัฐบาลประกาศถอนตัว จนนำไปสู่การยุบสภาเมื่อปลายปี 2567

ฟรีดริช แมร์ซ

จับตาโจทย์ใหญ่ผู้นำเยอรมนี

ปัจจัยหลักที่นายกรัฐมนตรีของเยอรมนีต้องเผชิญและเร่งแก้ปัญหา ไม่พ้นเรื่องของค่าครองชีพ โดยจากผลสำรวจของ Gallup ระบุว่า ชาวเยอรมันที่รู้สึกว่าสถานการณ์ทางการเงินของตนเองกำลังดีขึ้นในปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 27 ลดลงจากปี2566 เกือบครึ่ง ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 42

เช่นเดียวกับวิกฤตที่อยู่อาศัย ขณะนี้ชาวเยอรมันจำนวนหนึ่งรู้สึกไม่พอใจกับราคาที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดจนความเชื่อมั่นในรัฐบาลของประชาชนที่ลดลงสู่จุดต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี และยังส่งผลกระทบไปถึงภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของเยอรมนีในเวทีระดับภูมิภาคด้วย

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่รัฐบาลเยอรมนีชุดใหม่ต้องเร่งแก้ไข คือ ปัญหาผู้อพยพ หลังจากเยอรมนีเผชิญเหตุโจมตีที่มีผู้อพยพเข้ามาเกี่ยวข้องต่อเนื่องหลายครั้งตั้งแต่ช่วงปลายปี 2568

ปัญหาผู้อพยพกลายมาเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พรรคเอเอฟดี ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด ได้คะแนนตามติดพรรคซีดูยู และกำลังกลายเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 โดยมีคะแนนที่ร้อยละ 20.5 เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่ได้ร้อยละ 10.4 และถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของพรรคการเมืองขวาจัดพรรคนี้

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคะแนนสูงเป็นอันดับ 2 แต่พรรคเอเอฟดีไม่น่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล เนื่องจากพรรคการเมืองอื่น ๆ ทั้งหมดประกาศว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเอเอฟดี

ส่วนพรรคเอสพีดีของผู้นำคนปัจจุบัน ได้คะแนนรั้งท้ายตามมาเป็นอันดับ 3 ที่ร้อยละ 16 ถือเป็นผลคะแนนที่แย่ที่สุดในรอบหลายสิบปี โดยโชลซ์ ระบุกับกลุ่มผุ้สนับสนุนในกรุงเบอร์ลินว่า ถือเป็นความพ่ายแพ้ของพรรค และเขาจะรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้งครั้งนี้