ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ตลาดจับตา เฟดประชุม28-29 ม.ค.นี้ เงินบาทอ่อนรับดอลลาร์แข็งค่า

เศรษฐกิจ
27 ม.ค. 68
14:02
175
Logo Thai PBS
ตลาดจับตา เฟดประชุม28-29 ม.ค.นี้ เงินบาทอ่อนรับดอลลาร์แข็งค่า
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กรุงศรีฯ คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 33.40-34.00 ตลาดจับตาเฟดประชุมกลางสัปดาห์นี้ ขณะที่ “ฮั่วเซ่งเฮง” วิเคราะห์ ราคาทองคำค่อนข้างผันผวน ทองคำแท่งในประเทศ ระยะสั้นอาจปรับตัวลง ตัดขาดทุนที่ 43,600 บาท เป้าหมายทำกำไร 44,150 บาท

วันนี้ ( 27 ม.ค.2568) กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.40-34.00 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 33.62 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 33.61-34.48 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 11 สัปดาห์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการซื้อขายผันผวนขณะที่ตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงสงครามการค้าในระยะสั้น

โดยหลังจากพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งปธน.ทรัมป์ไม่ได้ประกาศใช้กำแพงภาษีนำเข้าลักษณะครอบจักรวาล แต่ส่งสัญญาณว่าอาจจะเพิ่มภาษีสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. นอกจากนี้ ทรัมป์กล่าวว่าต้องการข้อตกลงกับจีนมากกว่าการดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้า และยังระบุว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ควรลดอัตราดอกเบี้ย ทางด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)ขึ้นดอกเบี้ย 25bps สู่ 0.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 ปี ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 797 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 9,068 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.2568 ซึ่งจะเป็นการยุติการลดดอกเบี้ยติดต่อกันสามรอบประชุมนับตั้งแต่วัฎจักรผ่อนคลายทางการเงินได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 67 โดยจุดสนใจสำคัญอยู่ที่ท่าทีของเฟดและการประเมินความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจากต้นทุนค่าจ้างแรงงานที่อาจเป็นผลจากนโยบายต่อต้านผู้อพยพของทรัมป์

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯยังบ่งชี้ถึงทิศทางที่สดใสเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ นอกจากนี้ นักลงทุนจะติดตามข้อมูลเงินเฟ้อ PCEเดือนธันวาคมของสหรัฐฯ ทางด้านธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)มีแนวโน้มลดดอกเบี้ย 25bps เป็น 2.75% ในวันที่ 30 ม.ค.นี้

แม้ความวิตกเรื่องสงครามการค้าอาจลดระดับลงบ้าง แต่ความคิดเห็นที่หลากหลายจากทรัมป์จะทำให้ตลาดผันผวนสูง แรงขายเงินดอลลาร์จึงอาจขาดความต่อเนื่องและเป็นเพียงภาพสะท้อนการระบายสถานะซื้อดอลลาร์ที่ตึงตัวมากเกินไปในช่วงก่อนหน้านี้

สำหรับปัจจัยในประเทศ ตลาดจะให้ความสนใจกับรายงานภาวะเศรษฐกิจเดือนธ.ค.จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยยอดส่งออกเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 8.7% ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 14.9% ทางการคาดว่ามูลค่าส่งออกจะเติบโต 2-3% ในปีนี้ อย่างไรก็ดี นโยบายการค้าสหรัฐฯที่ไม่แน่นอนสูงยังเป็นปัจจัยท้าทาย ทั้งนี้ มูลค่าส่งออกปี 67 ขยายตัว 5.4%

ด้านเว็บไซต์ “ฮั่วเซ่งเฮง” วิเคราะห์ว่า ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการประชุมนโยบายการเงินเฟดวันที่ 28-29 ม.ค. นี้ พร้อมถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ซึ่งอาจบ่งชี้ทิศทางดอกเบี้ยปี 2568 ซึ่งก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้ลดดอกเบี้ยทันทีระหว่างการประชุม WEF เมื่อ 23 ม.ค. แม้ไม่เอ่ยชื่อเฟด แต่ส่งสัญญาณกดดันชัดเจน โดยทรัมป์วิจารณ์พาวเวลเรื่องนโยบายการเงินมาโดยตลอด การเรียกร้องดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 400 จุด และดัชนี S&P500 ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ในขณะที่ราคาทองคำค่อนข้างผันผวน แต่หลังราคาทองโลกขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 2,785 ดอลลาร์ ประเมินว่าอาจมีการปรับฐานลงสู่แนวรับก่อนในระยะสั้น โดยราคาทองคำในตลาดโลก แกว่งตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านเก่า ระยะสั้นคาดปรับตัวลง โดยประเมินว่าอาจเกิดรูปแบบ Shooting Stars (รูปแบบดาวตก) ซึ่งราคามักปรับตัวลงหลังเกิดรูปแบบดังกล่าว จึงแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับในการเข้าซื้อ

โดยประเมินแนวรับสำคัญไว้ที่ระดับ 2,750 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,730 ดอลลาร์ และเป้าหมายทำกำไรที่ 2,750 ดอลลาร์
ส่วนราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ ราคายังคงติดแนวต้านสำคัญที่ระดับ 44,150 บาท ระยะสั้นประเมินว่าอาจปรับตัวลงสู่แนวรับ จึงแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับในการเข้าซื้อ ประเมินแนวรับสำคัญไว้ที่ระดับ 43,800 บาท โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 43,600 บาท และเป้าหมายทำกำไรที่ 44,150 บาท

 อ่านข่าว:

 FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป โอกาสทองการค้า-ลงทุน

บิ๊กเอกชน เตรียมหารือ นายกฯ รับมือ ผลกระทบทรัมป์2.0 

ส่งออกไทยปี 67 ทะลุเป้า 5.4% สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง