วันนี้ (25 พ.ย.2567) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้หน่วยงานในสังกัด สธ. ทั่วประเทศสามารถเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของประชาชนได้ครอบคลุมทุกจังหวัดแล้ว ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวในการเข้ารับบริการทางการแพทย์ได้ที่โรงพยาบาลใดก็ได้ที่สังกัด สธ. ทั่วประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องมีใบส่งตัวอีกต่อไป
เป้าหมายสำคัญของโครงการระยะที่ 4 คือการสร้างระบบ "One Country One Hospital" หรือ "หนึ่งประเทศ หนึ่งโรงพยาบาล" หมายความว่า โรงพยาบาลในสังกัด สธ. ทั่วประเทศจะถือเป็นโรงพยาบาลเดียวกัน ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่คำนึงถึงสถานที่ตั้ง
นอกจากนี้ สธ. ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลสุขภาพ โดยได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล
ประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับจากโครงการนี้ ได้แก่
- ความสะดวกสบาย ผู้ป่วยสามารถเข้ารับบริการทางการแพทย์ได้ที่โรงพยาบาลใดก็ได้ที่สังกัด สธ. ทั่วประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องมีใบส่งตัว
- ข้อมูลสุขภาพที่ครบถ้วน ข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยจะถูกบันทึกไว้ในระบบกลาง ทำให้แพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และสามารถให้การรักษาที่ตรงตามความต้องการของผู้ป่วยได้มากขึ้น
- ลดความซ้ำซ้อนในการตรวจรักษา เนื่องจากแพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยได้อย่างครบถ้วน จึงช่วยลดการตรวจซ้ำซ้อน และประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายของผู้ป่วย
สำหรับอนาคต สธ. มีแผนที่จะขยายขอบเขตของโครงการให้ครอบคลุมถึงผู้ประกันตนตามมาตรา 33 (ประกันสังคม) เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างเท่าเทียมกัน
การดำเนินโครงการ "30 บาทรักษาทุกที่" ระยะที่ 4 นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพของประเทศไทย และเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
อ่านข่าวอื่น :
เดิมพันสูง! จับตาไฮเปอร์โซนิกรัสเซีย-ยูเครนขอชาติตะวันตกปกป้อง