เกาะมุกด์ ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง เกาะท่องเที่ยวชื่อดัง ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของ จ.ตรัง อยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 30 นาที ชาวบ้านมีอาชีพหลักทำประมงและสวนยางพารา
“ผู้ใหญ่พัน” ผู้ใหญ่บ้านเกาะมุกด์ เล่าว่าบนเกาะมุกด์ห้ามรถยนต์วิ่งมีแต่มอไซด์และซาเล้งเท่านั้นเพราะถนนเล็กแคบ
เนื่องจากอาศัยอยู่บนเกาะที่ทะเลล้อมรอบทำให้น้ำจืดขาดแคลน บรรพบุรุษคนเกาะมุกด์จึงขุดหาบ่อน้ำจืดเพื่อใช้กิน ทั้งขุดเป็นบ่อสาธารณะให้ทุกคนในเกาะมาตักใช้ได้ และบ่อที่ขุดอยู่ในพื้นที่บ้าน ปัจจุบันบ่อน้ำจืดสำหรับกินมีประมาณ 3 - 4 บ่อ และบ่อน้ำอาบสาธารณะอีกนับ 10 บ่อ ซึ่งบ่อน้ำจืดส่วนใหญ่อยู่ในสวน เช่นสวนมะพร้าว, สวนยางพารา ใครจะใช้น้ำก็ไปตักเอาเองได้ แต่หากใครที่ไม่มีเวลามาตักน้ำไปกินหรือใช้ ก็จะซื้อน้ำกับ “บังอู๊ด” ที่เป็นคนขายน้ำ โดยขายราคาเที่ยวละ 100 บาท ซึ่งคนในเกาะมุกด์ล้วนเป็นลูกค้าของบัง
ช่วงหน้าแล้ง เดือน ธ.ค. - พ.ค. จะดัดแปลงเรือออก จับ “บอบอ” หรือ “แมงกะพรุน” สร้างรายได้อย่างงาม 1 ปีจะจับได้ 1 ครั้ง แมงกะพรุนที่จับเรียกว่า “แมงกะพรุนลอดช่อง” ซึ่งจะมีวุ้นใส ๆ บนหัวที่มีลักษณะเหมือนลอดช่อง และมีหน้าที่ในการขยายพันธุ์ด้วย ลำตัวมีสองส่วน คือ ส่วนหัวและขา (หาง) ซึ่ง “แมงกะพรุน” มีพิษที่น้ำเมือก อย่าให้น้ำเมือกโดนตา จะทำให้คันได้ ในช่วงที่เกาะมุกด์ไม่มีแมงกระพรุน ชาวบ้านจะขับเรือออกจากบ้านที่เกาะมุกด์ ตั้งแต่เช้ามืด 02.00 - 03.00 น. เพื่อขับเรือไปตักแมงกะพรุนที่ อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นสามเส้าหน้าเกาะเภตรา เพราะที่นั่นเป็นแหล่งรวมของสายน้ำที่ไหลมาบรรจบกันทำให้มีแมงกะพรุนเยอะ อุปกรณ์สำคัญในการจับแมงกระพรุนก็คือ “ไม้คราด” ใช้สำหรับตัก ส่วนเรือจะมีกระชังที่ทำจากอวนตาถี่ประมาณ 1 นิ้ว ยาว 4 - 5 เมตร สำหรับใส่แมงกะพรุน เมื่อตักแมงกะพรุนจนเต็มเรือแล้วเข้าไปขายที่ท่าแพ โดยจะโยนแมงกะพรุนทีละตัว ๆ เข้ามาพักไว้ในกระชังจนเต็ม แล้วเจ้าของแพก็จะรีบนำแมงกะพรุนใส่ตะกร้าแล้วลำเลียงด้วย “กว้านหัวราง” หรือ “รอกสลิง” ที่มีขนาดกว้าง 50 ซม. ยาว 20 เมตร ดึงขึ้นมาเทใส่รางด้านบนเพื่อนำมาคัดแยก ตัดหัวและหางออกจากกัน แล้วนำไปหมักเกลือ สารส้ม โซดา เพื่อรีดพิษและความคันออกเป็นเดือน ๆ หากจะนำปรุงอาหารก็จะต้องนำแมงกะพรุนมาแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ 2 คืนให้คลายความเค็ม จึงจะนำมาต้มให้สุกแล้วนำไปปรุงเป็นเมนูตามที่ชอบครับ ทั้งยำ ลวกจิ้ม และที่หลายคนรู้จักก็คือ ใส่ในเย็นตาโฟที่เราชอบกิน ในช่วงฤดูแมงกะพรุนสามารถจับได้ถึงวันละ 1,500 - 2,000 ตัว ราคาขายแมงกระพรุนตัวละ 3.50 บาท
ติดตามในรายการซีรีส์วิถีคน วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2565 เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางไทยพีบีเอส รับชมออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
เกาะมุกด์ ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง เกาะท่องเที่ยวชื่อดัง ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของ จ.ตรัง อยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 30 นาที ชาวบ้านมีอาชีพหลักทำประมงและสวนยางพารา
“ผู้ใหญ่พัน” ผู้ใหญ่บ้านเกาะมุกด์ เล่าว่าบนเกาะมุกด์ห้ามรถยนต์วิ่งมีแต่มอไซด์และซาเล้งเท่านั้นเพราะถนนเล็กแคบ
เนื่องจากอาศัยอยู่บนเกาะที่ทะเลล้อมรอบทำให้น้ำจืดขาดแคลน บรรพบุรุษคนเกาะมุกด์จึงขุดหาบ่อน้ำจืดเพื่อใช้กิน ทั้งขุดเป็นบ่อสาธารณะให้ทุกคนในเกาะมาตักใช้ได้ และบ่อที่ขุดอยู่ในพื้นที่บ้าน ปัจจุบันบ่อน้ำจืดสำหรับกินมีประมาณ 3 - 4 บ่อ และบ่อน้ำอาบสาธารณะอีกนับ 10 บ่อ ซึ่งบ่อน้ำจืดส่วนใหญ่อยู่ในสวน เช่นสวนมะพร้าว, สวนยางพารา ใครจะใช้น้ำก็ไปตักเอาเองได้ แต่หากใครที่ไม่มีเวลามาตักน้ำไปกินหรือใช้ ก็จะซื้อน้ำกับ “บังอู๊ด” ที่เป็นคนขายน้ำ โดยขายราคาเที่ยวละ 100 บาท ซึ่งคนในเกาะมุกด์ล้วนเป็นลูกค้าของบัง
ช่วงหน้าแล้ง เดือน ธ.ค. - พ.ค. จะดัดแปลงเรือออก จับ “บอบอ” หรือ “แมงกะพรุน” สร้างรายได้อย่างงาม 1 ปีจะจับได้ 1 ครั้ง แมงกะพรุนที่จับเรียกว่า “แมงกะพรุนลอดช่อง” ซึ่งจะมีวุ้นใส ๆ บนหัวที่มีลักษณะเหมือนลอดช่อง และมีหน้าที่ในการขยายพันธุ์ด้วย ลำตัวมีสองส่วน คือ ส่วนหัวและขา (หาง) ซึ่ง “แมงกะพรุน” มีพิษที่น้ำเมือก อย่าให้น้ำเมือกโดนตา จะทำให้คันได้ ในช่วงที่เกาะมุกด์ไม่มีแมงกระพรุน ชาวบ้านจะขับเรือออกจากบ้านที่เกาะมุกด์ ตั้งแต่เช้ามืด 02.00 - 03.00 น. เพื่อขับเรือไปตักแมงกะพรุนที่ อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นสามเส้าหน้าเกาะเภตรา เพราะที่นั่นเป็นแหล่งรวมของสายน้ำที่ไหลมาบรรจบกันทำให้มีแมงกะพรุนเยอะ อุปกรณ์สำคัญในการจับแมงกระพรุนก็คือ “ไม้คราด” ใช้สำหรับตัก ส่วนเรือจะมีกระชังที่ทำจากอวนตาถี่ประมาณ 1 นิ้ว ยาว 4 - 5 เมตร สำหรับใส่แมงกะพรุน เมื่อตักแมงกะพรุนจนเต็มเรือแล้วเข้าไปขายที่ท่าแพ โดยจะโยนแมงกะพรุนทีละตัว ๆ เข้ามาพักไว้ในกระชังจนเต็ม แล้วเจ้าของแพก็จะรีบนำแมงกะพรุนใส่ตะกร้าแล้วลำเลียงด้วย “กว้านหัวราง” หรือ “รอกสลิง” ที่มีขนาดกว้าง 50 ซม. ยาว 20 เมตร ดึงขึ้นมาเทใส่รางด้านบนเพื่อนำมาคัดแยก ตัดหัวและหางออกจากกัน แล้วนำไปหมักเกลือ สารส้ม โซดา เพื่อรีดพิษและความคันออกเป็นเดือน ๆ หากจะนำปรุงอาหารก็จะต้องนำแมงกะพรุนมาแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ 2 คืนให้คลายความเค็ม จึงจะนำมาต้มให้สุกแล้วนำไปปรุงเป็นเมนูตามที่ชอบครับ ทั้งยำ ลวกจิ้ม และที่หลายคนรู้จักก็คือ ใส่ในเย็นตาโฟที่เราชอบกิน ในช่วงฤดูแมงกะพรุนสามารถจับได้ถึงวันละ 1,500 - 2,000 ตัว ราคาขายแมงกระพรุนตัวละ 3.50 บาท
ติดตามในรายการซีรีส์วิถีคน วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2565 เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางไทยพีบีเอส รับชมออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live