การที่ “นายกรัฐมนตรี” และ “มท.1” ออกมายอมรับว่า เคยถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาหลอกลวง ด้านหนึ่งสะท้อนว่าประชาชนทุกคนต้องระวัง เพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่เลือกคน แม้แต่ผู้นำประเทศยังไม่รอด หรืออีกนัยหนึ่ง นายกฯ รู้เท่าทัน ไม่ถูกหลอก แต่หากมองอีกมุมกลายเป็นว่า นี่เป็นการโชว์ศักยภาพของกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพที่กล้าโทรศัพท์หาผู้นำประเทศ
ดังนั้น กรณีนี้ ยิ่งมี “ยอดคุณพ่อ” ชี้เป้าฐานที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งฝั่งกัมพูชา และเมียนมา ถึงเวลาแล้วที่ “นายกฯ แพทองธาร” ต้องลบคำ “ปรามาส” ด้วยการแก้ปัญหาอย่างจริงจังไม่ใช่เพียงการพูดหรือแชร์ประสบการณ์ตกเป็นเหยื่อ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจ
การที่ “นายกรัฐมนตรี” และ “มท.1” ออกมายอมรับว่า เคยถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาหลอกลวง ด้านหนึ่งสะท้อนว่าประชาชนทุกคนต้องระวัง เพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่เลือกคน แม้แต่ผู้นำประเทศยังไม่รอด หรืออีกนัยหนึ่ง นายกฯ รู้เท่าทัน ไม่ถูกหลอก แต่หากมองอีกมุมกลายเป็นว่า นี่เป็นการโชว์ศักยภาพของกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพที่กล้าโทรศัพท์หาผู้นำประเทศ
ดังนั้น กรณีนี้ ยิ่งมี “ยอดคุณพ่อ” ชี้เป้าฐานที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งฝั่งกัมพูชา และเมียนมา ถึงเวลาแล้วที่ “นายกฯ แพทองธาร” ต้องลบคำ “ปรามาส” ด้วยการแก้ปัญหาอย่างจริงจังไม่ใช่เพียงการพูดหรือแชร์ประสบการณ์ตกเป็นเหยื่อ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจ