เรียบเรียงโดย : จักร ปานสมัย
ฉากหลังสำคัญในละครเรื่องปลายจวัก นอกเหนือจากบ้านเรือนเจ้าคุณบิดาของแม่วาดกับแม่อ่อน ยังมีพระบรมมหาราชวังเป็นฉากหลังสำคัญ เนื่องด้วยแม่อ่อนกับแม่วาดนั้นไปอยู่กับคุณกรุ่นผู้เป็นป้าตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิง จนกระทั่งโตเป็นสาว ด้วยฝีมืออันเจนจัดด้านการทำอาหาร จึงสามารถเอ่ยได้อย่างเต็มภาคภูมิว่าสองศรีพี่น้องนั้นเป็นสาวชาววัง หรือเป็นนางข้าหลวงที่ผ่านการถวายตัวเข้าวังมาแล้ว
ประเพณีการถวายตัวเข้าวัง ปัจจุบันก็คือการมอบตัว การรายงานตัว หรือการนำผู้น้อยไปฝากผู้ใหญ่ การนำบุคคลที่เป็นเพศชายหรือหญิงก็ได้ วัยเด็กหรือวัยผู้ใหญ่ก็ได้ ไปฝาก ไปมอบตัว หรือไปรายงานตัวต่อครูบาอาจารย์ ตลอดจนเจ้านายที่อุปถัมภ์ ซึ่งในโบราณกาลนั้น การถวายตัวเข้าวังมีวัตถุประสงค์อยู่หลายประการ บ้างก็เพื่อเป็นศิษย์ บ้างก็เพื่อเป็นข้าหลวง หรือมหาดเล็ก ยิ่งไปกว่านั้น คือเพื่อเป็นบาทบริจาริกา นางห้าม หรือเจ้าจอมของเจ้านาย ธรรมเนียมเหล่านี้มีมานานแล้ว ทว่าใครจะสุ่มเดินเข้าไปมิได้ จะต้องมีผู้ใหญ่หรือขุนนางที่เป็นที่รู้จักพาไป
การถวายตัวเข้าวังของผู้ชายนั้น หากยังเป็นเด็กชายก็จะถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ส่วนผู้หญิงก็เริ่มจากการเป็นนางข้าหลวง ในการถวายตัวย่อมมีขนบธรรมเนียมที่ชัดเจน กล่าวคือต้องมีดอกไม้ ธูป เทียน เป็นเครื่องบูชาต่อเจ้านายท่านนั้น ๆ ดังเช่นที่เห็นในวรรณกรรมเรื่องสี่แผ่นดิน ของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่มีการพาแม่พลอยไปถวายตัว การถวายตัวเข้าวังเช่นนี้จึงได้กลายเป็นการรายงานตัวแบบที่ใช้มาสืบจนปัจจุบัน
เมื่อถวายตัวเข้าวังแล้วย่อมต้องมีบทบาทหน้าที่ หากยังเด็กก็จะให้เล่าเรียนหนังสือ มีการจัดครูมาสอน บางครั้งอาจได้เรียนรวมกับเจ้านาย เพื่อปลูกฝังความรู้แก่ผู้ถวายตัวอย่างเต็มภาคภูมิ รวมทั้งการฝึกวิชาชีพตามเพศสภาพ กล่าวคือ ผู้หญิงฝึกในส่วนแม่บ้าน งานครัว งานร้อยดอกไม้ เป็นต้น ส่วนผู้ชายนั้นเน้นการฝึกทหาร อยู่เวร หรือหากผู้ถวายตัวถูกฝึกมาเป็นอย่างดีแล้ว ก็จะถูกส่งให้ปฏิบัติงานเลย
ผู้ชาย หรือที่เรียกว่ามหาดเล็ก จึงมีหลากหลายแผนก หลายหลายหน้าที่ อาทิ มหาดเล็กไล่กา ที่เวลาเจ้านายทรงบาตรตอนเช้าจะคอยไล่กาที่มาตอมอาหาร, มหาดเล็กฝึกทหาร, มหาดเล็กตั้งเครื่อง ที่คอยดูเรื่องสำรับพระกระยาหาร ส่วนผู้หญิง หรือข้าหลวงนั้น เมื่อโตเป็นสาวจะเรียกว่าคุณข้าหลวง ครั้นเมื่อฝึกงานต่าง ๆ จนชำนิชำนาญ เมื่อโตเป็นสาวก็มีการถวายบังคมลาออกเรือน
พระบรมมหาราชวังนั้นแบ่งเขตพระราชฐานเป็นสองเขต เขตพระราชฐานชั้นนอก ชายหญิงสามารถสัญจรไปมาได้ ส่วนเขตพระราชฐานชั้นในจะเป็นที่ของผู้หญิงเท่านั้น ดังนั้นเจ้านายบุรุษ หรือมหาดเล็กย่อมไม่สามารถย่างกรายมายังเขตพระราชฐานชั้นในได้ ด้วยเหตุนี้ นางข้าหลวงที่มีลักษณะเข้มแข็ง บึกบึน น่ากลัว น่าเกรงขาม เฉกเช่นชายชาตรี จึงได้รับหน้าที่ให้เป็นจ่าโขลน มีหน้าที่ในการเฝ้าเวรยาม ดูแลรักษาความปลอดภัยภายในเขตพระราชฐานชั้นใน อย่างไรก็ตาม เจ้านายบางพระองค์ก็มีวังข้างนอกหลายแห่ง แต่ละพระองค์จึงสามารถมีข้าหลวง มีมหาดเล็กของตนได้ ดังเช่นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการสร้างวังสวนสุนันทาเป็นที่ประทับของเจ้านายสตรี ก็จะมีคนนำบุตรหลานไปถวายตัวเป็นข้าหลวง หรือมหาดเล็ก
เมื่อบุรุษไม่สามารถเยื้องย่างไปยังเขตพระราชฐานชั้นในได้ ด้านสาวชาววัง ชีวิตก็อยู่เพียงหลังกำแพงพระบรมมหาราชวังเท่านั้น ออกมาเดินสัญจรได้เพียงเขตพระราชฐานชั้นนอก แต่ไม่สามารถไปยังบริเวณนอกพระบรมมหาราชวังได้ หากจะไปต้องมีเรื่อง มีระเบียบ มีความจำเป็นที่ชัดเจน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากยิ่งที่สาวชาววังจะพบรัก หรือได้สานสัมพันธ์กับชายใด โอกาสที่สาวชาววังจะเจอเนื้อคู่จึงเป็นการออกนอกวัง เช่น ตามเสด็จขบวนพระราชดำเนิน การทูลลาออกไปเยี่ยมบ้าน หรือการออกไปจ่ายตลาด โดยบริเวณประตูราชวังที่สาวชาววังใช้เดินทางออกจากพื้นที่ดังกล่าวนั้น เรียกกันลำลองว่า “ประตูดิน” อันเป็นบริเวณหน้าวัง หรือทางออกที่มีผู้คนนำของมาขาย มีการฝากจดหมายให้ญาติที่อยู่ในวัง ตลอดจนมีโอกาสพบปะใครต่อใครได้ง่าย ที่ประตูดินแห่งนี้จึงเป็นที่ที่ชายหนุ่มมักจะพากันมารุมดูสาวชาววัง อันเป็นที่มาของสำนวน “เจ้าชู้ประตูดิน” ด้วยประการนี้เอง
รายการอ้างอิง
วิษณุ เครืองาม, ศาสตราจารย์กิตติคุณ, สัมภาษณ์, 19 ตุลาคม 2563.
เรียบเรียงโดย : จักร ปานสมัย
ฉากหลังสำคัญในละครเรื่องปลายจวัก นอกเหนือจากบ้านเรือนเจ้าคุณบิดาของแม่วาดกับแม่อ่อน ยังมีพระบรมมหาราชวังเป็นฉากหลังสำคัญ เนื่องด้วยแม่อ่อนกับแม่วาดนั้นไปอยู่กับคุณกรุ่นผู้เป็นป้าตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิง จนกระทั่งโตเป็นสาว ด้วยฝีมืออันเจนจัดด้านการทำอาหาร จึงสามารถเอ่ยได้อย่างเต็มภาคภูมิว่าสองศรีพี่น้องนั้นเป็นสาวชาววัง หรือเป็นนางข้าหลวงที่ผ่านการถวายตัวเข้าวังมาแล้ว
ประเพณีการถวายตัวเข้าวัง ปัจจุบันก็คือการมอบตัว การรายงานตัว หรือการนำผู้น้อยไปฝากผู้ใหญ่ การนำบุคคลที่เป็นเพศชายหรือหญิงก็ได้ วัยเด็กหรือวัยผู้ใหญ่ก็ได้ ไปฝาก ไปมอบตัว หรือไปรายงานตัวต่อครูบาอาจารย์ ตลอดจนเจ้านายที่อุปถัมภ์ ซึ่งในโบราณกาลนั้น การถวายตัวเข้าวังมีวัตถุประสงค์อยู่หลายประการ บ้างก็เพื่อเป็นศิษย์ บ้างก็เพื่อเป็นข้าหลวง หรือมหาดเล็ก ยิ่งไปกว่านั้น คือเพื่อเป็นบาทบริจาริกา นางห้าม หรือเจ้าจอมของเจ้านาย ธรรมเนียมเหล่านี้มีมานานแล้ว ทว่าใครจะสุ่มเดินเข้าไปมิได้ จะต้องมีผู้ใหญ่หรือขุนนางที่เป็นที่รู้จักพาไป
การถวายตัวเข้าวังของผู้ชายนั้น หากยังเป็นเด็กชายก็จะถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ส่วนผู้หญิงก็เริ่มจากการเป็นนางข้าหลวง ในการถวายตัวย่อมมีขนบธรรมเนียมที่ชัดเจน กล่าวคือต้องมีดอกไม้ ธูป เทียน เป็นเครื่องบูชาต่อเจ้านายท่านนั้น ๆ ดังเช่นที่เห็นในวรรณกรรมเรื่องสี่แผ่นดิน ของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่มีการพาแม่พลอยไปถวายตัว การถวายตัวเข้าวังเช่นนี้จึงได้กลายเป็นการรายงานตัวแบบที่ใช้มาสืบจนปัจจุบัน
เมื่อถวายตัวเข้าวังแล้วย่อมต้องมีบทบาทหน้าที่ หากยังเด็กก็จะให้เล่าเรียนหนังสือ มีการจัดครูมาสอน บางครั้งอาจได้เรียนรวมกับเจ้านาย เพื่อปลูกฝังความรู้แก่ผู้ถวายตัวอย่างเต็มภาคภูมิ รวมทั้งการฝึกวิชาชีพตามเพศสภาพ กล่าวคือ ผู้หญิงฝึกในส่วนแม่บ้าน งานครัว งานร้อยดอกไม้ เป็นต้น ส่วนผู้ชายนั้นเน้นการฝึกทหาร อยู่เวร หรือหากผู้ถวายตัวถูกฝึกมาเป็นอย่างดีแล้ว ก็จะถูกส่งให้ปฏิบัติงานเลย
ผู้ชาย หรือที่เรียกว่ามหาดเล็ก จึงมีหลากหลายแผนก หลายหลายหน้าที่ อาทิ มหาดเล็กไล่กา ที่เวลาเจ้านายทรงบาตรตอนเช้าจะคอยไล่กาที่มาตอมอาหาร, มหาดเล็กฝึกทหาร, มหาดเล็กตั้งเครื่อง ที่คอยดูเรื่องสำรับพระกระยาหาร ส่วนผู้หญิง หรือข้าหลวงนั้น เมื่อโตเป็นสาวจะเรียกว่าคุณข้าหลวง ครั้นเมื่อฝึกงานต่าง ๆ จนชำนิชำนาญ เมื่อโตเป็นสาวก็มีการถวายบังคมลาออกเรือน
พระบรมมหาราชวังนั้นแบ่งเขตพระราชฐานเป็นสองเขต เขตพระราชฐานชั้นนอก ชายหญิงสามารถสัญจรไปมาได้ ส่วนเขตพระราชฐานชั้นในจะเป็นที่ของผู้หญิงเท่านั้น ดังนั้นเจ้านายบุรุษ หรือมหาดเล็กย่อมไม่สามารถย่างกรายมายังเขตพระราชฐานชั้นในได้ ด้วยเหตุนี้ นางข้าหลวงที่มีลักษณะเข้มแข็ง บึกบึน น่ากลัว น่าเกรงขาม เฉกเช่นชายชาตรี จึงได้รับหน้าที่ให้เป็นจ่าโขลน มีหน้าที่ในการเฝ้าเวรยาม ดูแลรักษาความปลอดภัยภายในเขตพระราชฐานชั้นใน อย่างไรก็ตาม เจ้านายบางพระองค์ก็มีวังข้างนอกหลายแห่ง แต่ละพระองค์จึงสามารถมีข้าหลวง มีมหาดเล็กของตนได้ ดังเช่นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการสร้างวังสวนสุนันทาเป็นที่ประทับของเจ้านายสตรี ก็จะมีคนนำบุตรหลานไปถวายตัวเป็นข้าหลวง หรือมหาดเล็ก
เมื่อบุรุษไม่สามารถเยื้องย่างไปยังเขตพระราชฐานชั้นในได้ ด้านสาวชาววัง ชีวิตก็อยู่เพียงหลังกำแพงพระบรมมหาราชวังเท่านั้น ออกมาเดินสัญจรได้เพียงเขตพระราชฐานชั้นนอก แต่ไม่สามารถไปยังบริเวณนอกพระบรมมหาราชวังได้ หากจะไปต้องมีเรื่อง มีระเบียบ มีความจำเป็นที่ชัดเจน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากยิ่งที่สาวชาววังจะพบรัก หรือได้สานสัมพันธ์กับชายใด โอกาสที่สาวชาววังจะเจอเนื้อคู่จึงเป็นการออกนอกวัง เช่น ตามเสด็จขบวนพระราชดำเนิน การทูลลาออกไปเยี่ยมบ้าน หรือการออกไปจ่ายตลาด โดยบริเวณประตูราชวังที่สาวชาววังใช้เดินทางออกจากพื้นที่ดังกล่าวนั้น เรียกกันลำลองว่า “ประตูดิน” อันเป็นบริเวณหน้าวัง หรือทางออกที่มีผู้คนนำของมาขาย มีการฝากจดหมายให้ญาติที่อยู่ในวัง ตลอดจนมีโอกาสพบปะใครต่อใครได้ง่าย ที่ประตูดินแห่งนี้จึงเป็นที่ที่ชายหนุ่มมักจะพากันมารุมดูสาวชาววัง อันเป็นที่มาของสำนวน “เจ้าชู้ประตูดิน” ด้วยประการนี้เอง
รายการอ้างอิง
วิษณุ เครืองาม, ศาสตราจารย์กิตติคุณ, สัมภาษณ์, 19 ตุลาคม 2563.