เรียบเรียงโดย : จักร ปานสมัย
ในแต่ละมื้อของการรับประทานอาหารในครอบครัวของคุณหลวงพิชัยธานี ล้วนเป็นวงล้อมที่ผู้ชมสัมผัสได้จากความสุข เป็นความสุขอันเกิดจากรสชาติอันโอชาที่ภรรยาทั้งสองและลูกสาวทั้งสองของคุณหลวงเป็นผู้ปรุงรสด้วยหัวใจนั่นเอง นอกเหนือจากความน่าลิ้มลองตามดังกล่าว สิ่งที่น่าสนใจคือตัวละครในปลายจวักต่างรับประทานอาหารโดยใช้ช้อนเช่นเดียวกับในปัจจุบันแล้ว จึงชวนให้ตั้งคำถามว่าตั้งแต่เมื่อไรกันที่คนไทยได้รับอิทธิพลจากตะวันตกจนวัฒนธรรมการใช้มือกินข้าวนั้นหมดสิ้นไป
แต่เดิมเราคนไทยทุกครัวเรือนล้วนล้อมวงกินข้าวกัน จัดอาหารเป็นสำรับ บางบ้านอาจมีการแยกเป็นชายหนึ่งวง หญิงหนึ่งวง ชนชั้นสูง หรือคนฐานะดี ก็จะมีวงสำหรับบ่าวไพร่แยกอีกหนึ่งวง การรับวัฒนธรรมตะวันตกโดยใช้ช้อนกลางและช้อนส้อมคู่กันในการรับประทานอาหารนี้ สยามประเทศรับมาจากสิงคโปร์ โดยเริ่มจากคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับมาจากสิงคโปร์ จากนั้นจึงเริ่มมีการกินโต๊ะ อันหมายถึงการรับประทานอาหารบนโต๊ะอาหารเกิดขึ้น มีภาชนะเครื่องจานต่าง ๆ ดังเช่นตะวันตก เริ่มมีอาหารฝรั่งเข้ามาบนสำรับอาหาร นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านการรับประทานอาหารโดยได้รับอิทธิพลจากตะวันตก
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินยังต่างประเทศโดยเฉพาะตะวันตกมามากมาย เห็นได้ชัดจากพระราชนิพนธ์สารคดีเรื่องไกลบ้าน วัฒนธรรมทันสมัยจากตะวันตกจึงเดินทางมาสู่สยามประเทศ วัฒนธรรมการบริโภคก็พลอยเปลี่ยนแปลงไปด้วย เปลี่ยนจากการเปิบด้วยมือเป็นใช้ช้อนส้อม สันนิษฐานว่าพระองค์ทรงใช้ครั้งแรกจากการเสวยมักกะโรนีที่ประเทศอิตาลี
ต่อมาเมื่อมีการต้อนรับราชอาคันตุกะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวต่างชาติหรือชาวตะวันตก รัชกาลที่ 5 ก็ทรงมีพระราชดำริให้จัดโต๊ะอาหารแบบฝรั่ง มีการตกแต่งสถานที่ให้เป็นเช่นตะวันตกโดยการจัดพุ่มดอกไม้ รวมทั้งการอบรม ฝึกฝนสาวชาววังให้เรียนรู้มารยาทการเสิร์ฟอาหาร เพื่อต้อนรับอาคันตุกะและราชทูตนั่นเอง โดยเครื่องดื่มที่ใช้เสิร์ฟนั้นก็ถอดแบบมาจากตะวันตกคือมีทั้งกาแฟและเหล้า
ครั้นลุมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว วัฒนธรรมตะวันตกที่เข้ามาสู่ราชสำนักก็เริ่มเผยแพร่สู่ประชาชนอย่างเต็มที่ จากชาววังสู่ผู้ดี หรือชนชั้นสูง จากข้าราชการสู่ประชาชนคนธรรมดา เหล่านักเรียนนอกครั้นเมื่อกลับมาจากต่างประเทศก็พลอยนำวัฒนธรรมตะวันตกมาเผยแพร่ด้วย ครัวเรือนของขุนนางจึงเริ่มมีภาชนะ ข้าวของเครื่องใช้เฉกเช่นชาวตะวันตก
เมื่อมีภาชนะที่ใช้กินข้าวที่เหมาะสมดังเช่นช้อนกลาง ช้อนส้อม การกินอาหารผ่านการเปิบข้าวโดยใช้มือก็ค่อย ๆ หายไปในที่สุด รวมทั้งเรื่องการจัดงานเลี้ยง เมื่อพระมหากษัตริย์เริ่มเปลี่ยน ชนชั้นสูงก็เปลี่ยนตามพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ด้านชาวบ้านก็เปลี่ยนตามชนชั้นสูงเช่นกัน เมื่อมีงานเลี้ยงจึงมีการทำแกงเฉพาะเทศกาล เช่น สตูลิ้น มัสมั่น หรือแกงกะหรี่ เมนูอาหารเหล่านี้ไม่ได้กินเป็นประจำ แต่จะเป็นอาหารพิเศษเมื่อมีงานเลี้ยงเท่านั้น
ฉะนั้นแล้ว อิทธิพลจากตะวันตกด้านอาหารและการบริโภคนั้น จึงไม่ใช่แค่เรื่องเปลี่ยนการใช้มือกินข้าวเป็นการใช้ช้อนใช้ส้อมเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องการกินโต๊ะ การจัดงานเลี้ยง และเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาหารการกิน ในช่วงแรกอาจยังไม่ได้แพร่หลายมาก แต่ครั้นนานวันเข้าเมื่อวัฒนธรรมตะวันตกดังกล่าวจึงส่งไปยังชาวบ้านเรื่อย ๆ ความนิยมด้านการใช้ช้อนจึงเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า นี่แสดงถึงพระราชวินิจฉัยอันปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ชาวบ้าน ประชาชนก็คำนึงถึงความเหมาะสมด้านการใช้ช้อนใช้ส้อมแทนการใช้มือเช่นกัน ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนสุดคือด้านความสะอาดและสุขอนามัยนั่นเอง
ยิ่งในสถานการณ์ที่โรคระบาด เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปในวงกว้างนั้นแล้ว การใช้ช้อน การใช้ส้อม ย่อมดีกว่าการใช้มือเปิบอาหารเข้าปากอย่างแน่นอน ครั้นเมื่อมองในอีกมุมหนึ่ง
จึงเห็นได้ว่าเมื่อศึกษาเรื่องอาหารการกินอย่างถ่องแท้ สิ่งที่ผู้ศึกษาจะได้จึงมีมากกว่าอาหารการกินอย่างแน่นอน
รายการอ้างอิง
เรียบเรียงโดย : จักร ปานสมัย
ในแต่ละมื้อของการรับประทานอาหารในครอบครัวของคุณหลวงพิชัยธานี ล้วนเป็นวงล้อมที่ผู้ชมสัมผัสได้จากความสุข เป็นความสุขอันเกิดจากรสชาติอันโอชาที่ภรรยาทั้งสองและลูกสาวทั้งสองของคุณหลวงเป็นผู้ปรุงรสด้วยหัวใจนั่นเอง นอกเหนือจากความน่าลิ้มลองตามดังกล่าว สิ่งที่น่าสนใจคือตัวละครในปลายจวักต่างรับประทานอาหารโดยใช้ช้อนเช่นเดียวกับในปัจจุบันแล้ว จึงชวนให้ตั้งคำถามว่าตั้งแต่เมื่อไรกันที่คนไทยได้รับอิทธิพลจากตะวันตกจนวัฒนธรรมการใช้มือกินข้าวนั้นหมดสิ้นไป
แต่เดิมเราคนไทยทุกครัวเรือนล้วนล้อมวงกินข้าวกัน จัดอาหารเป็นสำรับ บางบ้านอาจมีการแยกเป็นชายหนึ่งวง หญิงหนึ่งวง ชนชั้นสูง หรือคนฐานะดี ก็จะมีวงสำหรับบ่าวไพร่แยกอีกหนึ่งวง การรับวัฒนธรรมตะวันตกโดยใช้ช้อนกลางและช้อนส้อมคู่กันในการรับประทานอาหารนี้ สยามประเทศรับมาจากสิงคโปร์ โดยเริ่มจากคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับมาจากสิงคโปร์ จากนั้นจึงเริ่มมีการกินโต๊ะ อันหมายถึงการรับประทานอาหารบนโต๊ะอาหารเกิดขึ้น มีภาชนะเครื่องจานต่าง ๆ ดังเช่นตะวันตก เริ่มมีอาหารฝรั่งเข้ามาบนสำรับอาหาร นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านการรับประทานอาหารโดยได้รับอิทธิพลจากตะวันตก
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินยังต่างประเทศโดยเฉพาะตะวันตกมามากมาย เห็นได้ชัดจากพระราชนิพนธ์สารคดีเรื่องไกลบ้าน วัฒนธรรมทันสมัยจากตะวันตกจึงเดินทางมาสู่สยามประเทศ วัฒนธรรมการบริโภคก็พลอยเปลี่ยนแปลงไปด้วย เปลี่ยนจากการเปิบด้วยมือเป็นใช้ช้อนส้อม สันนิษฐานว่าพระองค์ทรงใช้ครั้งแรกจากการเสวยมักกะโรนีที่ประเทศอิตาลี
ต่อมาเมื่อมีการต้อนรับราชอาคันตุกะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวต่างชาติหรือชาวตะวันตก รัชกาลที่ 5 ก็ทรงมีพระราชดำริให้จัดโต๊ะอาหารแบบฝรั่ง มีการตกแต่งสถานที่ให้เป็นเช่นตะวันตกโดยการจัดพุ่มดอกไม้ รวมทั้งการอบรม ฝึกฝนสาวชาววังให้เรียนรู้มารยาทการเสิร์ฟอาหาร เพื่อต้อนรับอาคันตุกะและราชทูตนั่นเอง โดยเครื่องดื่มที่ใช้เสิร์ฟนั้นก็ถอดแบบมาจากตะวันตกคือมีทั้งกาแฟและเหล้า
ครั้นลุมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว วัฒนธรรมตะวันตกที่เข้ามาสู่ราชสำนักก็เริ่มเผยแพร่สู่ประชาชนอย่างเต็มที่ จากชาววังสู่ผู้ดี หรือชนชั้นสูง จากข้าราชการสู่ประชาชนคนธรรมดา เหล่านักเรียนนอกครั้นเมื่อกลับมาจากต่างประเทศก็พลอยนำวัฒนธรรมตะวันตกมาเผยแพร่ด้วย ครัวเรือนของขุนนางจึงเริ่มมีภาชนะ ข้าวของเครื่องใช้เฉกเช่นชาวตะวันตก
เมื่อมีภาชนะที่ใช้กินข้าวที่เหมาะสมดังเช่นช้อนกลาง ช้อนส้อม การกินอาหารผ่านการเปิบข้าวโดยใช้มือก็ค่อย ๆ หายไปในที่สุด รวมทั้งเรื่องการจัดงานเลี้ยง เมื่อพระมหากษัตริย์เริ่มเปลี่ยน ชนชั้นสูงก็เปลี่ยนตามพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ด้านชาวบ้านก็เปลี่ยนตามชนชั้นสูงเช่นกัน เมื่อมีงานเลี้ยงจึงมีการทำแกงเฉพาะเทศกาล เช่น สตูลิ้น มัสมั่น หรือแกงกะหรี่ เมนูอาหารเหล่านี้ไม่ได้กินเป็นประจำ แต่จะเป็นอาหารพิเศษเมื่อมีงานเลี้ยงเท่านั้น
ฉะนั้นแล้ว อิทธิพลจากตะวันตกด้านอาหารและการบริโภคนั้น จึงไม่ใช่แค่เรื่องเปลี่ยนการใช้มือกินข้าวเป็นการใช้ช้อนใช้ส้อมเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องการกินโต๊ะ การจัดงานเลี้ยง และเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาหารการกิน ในช่วงแรกอาจยังไม่ได้แพร่หลายมาก แต่ครั้นนานวันเข้าเมื่อวัฒนธรรมตะวันตกดังกล่าวจึงส่งไปยังชาวบ้านเรื่อย ๆ ความนิยมด้านการใช้ช้อนจึงเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า นี่แสดงถึงพระราชวินิจฉัยอันปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ชาวบ้าน ประชาชนก็คำนึงถึงความเหมาะสมด้านการใช้ช้อนใช้ส้อมแทนการใช้มือเช่นกัน ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนสุดคือด้านความสะอาดและสุขอนามัยนั่นเอง
ยิ่งในสถานการณ์ที่โรคระบาด เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปในวงกว้างนั้นแล้ว การใช้ช้อน การใช้ส้อม ย่อมดีกว่าการใช้มือเปิบอาหารเข้าปากอย่างแน่นอน ครั้นเมื่อมองในอีกมุมหนึ่ง
จึงเห็นได้ว่าเมื่อศึกษาเรื่องอาหารการกินอย่างถ่องแท้ สิ่งที่ผู้ศึกษาจะได้จึงมีมากกว่าอาหารการกินอย่างแน่นอน
รายการอ้างอิง