ภูกระดึงที่เราเห็นทุกวันนี้เคยเป็นพื้นที่ใต้ท้องทะเลมาก่อน! เมื่อ 300 ล้านปีก่อน ที่นี่เต็มไปด้วยตะกอนทรายใต้น้ำ ก่อนที่ธรรมชาติจะปั้นแต่งให้กลายเป็นเทือกเขาหินทรายอันยิ่งใหญ่อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ทุกปี ภูกระดึงจะปิดให้ธรรมชาติได้พักผ่อน 4 เดือนเต็ม ตั้งแต่ 1 มิถุนายน ถึง 30 กันยายน แต่รู้ไหมว่าช่วงนี้ที่เจ้าหน้าที่ทำงานหนักที่สุด! พวกเขาต้องซ่อมแซมทุกอย่างให้พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่สะพานไม้ ห้องน้ำ ไปจนถึงป้ายบอกทางที่ถูกช้างป่าพังเสียหาย
เส้นทางขึ้นภูกระดึงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ คุณต้องเดิน 5.5 กิโลเมตรแรกไปถึง "หลังแป" ก่อน แล้วต่อด้วยอีก 3.5 กิโลเมตรถึงจะถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง แต่ความเหนื่อยก็คุ้มค่าเมื่อได้เห็นวิวสวยๆ จากจุดชมวิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผาหมากดูกที่ชมพระอาทิตย์ตกได้สวยเหลือเชื่อ ผานกแอ่นที่มีทะเลหมอกสุดอลังการ หรือผาเหยียบเมฆที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่บนก้อนเมฆจริง ๆ ที่นี่ไม่ได้มีแค่วิวสวย ๆ แต่ยังเป็นบ้านของเหล่าสัตว์ป่าน่ารักมากมาย มีทั้งกวางป่าที่ชอบมาเดินเล่น หมาจิ้งจอกที่คอยกินเศษอาหาร (อย่าเพิ่งกลัว พวกมันไม่ดุเหมือนในการ์ตูนหรอก!) และช้างป่าที่ชอบมาทำลายข้าวของ จนเจ้าหน้าที่ต้องติดรั้วไฟฟ้าแรงต่ำไว้ป้องกัน
อยากนอนค้างคืนก็ไม่ต้องกังวล เพราะทางอุทยานมีบริการให้เช่าอุปกรณ์ครบครัน ทั้งถุงนอน หมอน และเบาะรองนอน ในราคาเพียงชุดละ 60 บาทต่อคืน และในช่วงปิดฤดูกาล เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกชิ้นอย่างพิถีพิถัน พิเศษสุดสำหรับคนที่อยากเป็นที่หนึ่ง! ทุกวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี ใครที่ขึ้นไปถึงหลังแปเป็นคนแรก จะได้รับรางวัลพิเศษจากทางอุทยาน เป็นประเพณีดีๆ ที่ทำต่อกันมาอย่างยาวนาน
ภูกระดึงยังเป็นบ้านของต้นไม้หายากหลายชนิด โดดเด่นที่สุดคือต้นเมเปิ้ล ที่จะเปลี่ยนใบเป็นสีแดงสวยงามในบางช่วงเวลา ทำให้ภูเขาทั้งลูกเหมือนถูกแต่งแต้มด้วยสีสันแห่งธรรมชาติ แม้จะอยู่บนภูเขาสูง แต่ที่นี่ก็ไม่ได้ล้าสมัย มีการใช้พลังงานสะอาดทั้งโซลาร์เซลล์และกังหันลมผลิตไฟฟ้า มีน้ำตกสวยๆ อย่างน้ำตกเพ็ญพบใหม่และน้ำตกถ้ำใหญ่คอยหล่อเลี้ยงผืนป่า ทำให้ภูกระดึงเป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติทุกคน
ติดตามชมได้ในรายการ Navigator วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 - 11.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมผ่านทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
ภูกระดึงที่เราเห็นทุกวันนี้เคยเป็นพื้นที่ใต้ท้องทะเลมาก่อน! เมื่อ 300 ล้านปีก่อน ที่นี่เต็มไปด้วยตะกอนทรายใต้น้ำ ก่อนที่ธรรมชาติจะปั้นแต่งให้กลายเป็นเทือกเขาหินทรายอันยิ่งใหญ่อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ทุกปี ภูกระดึงจะปิดให้ธรรมชาติได้พักผ่อน 4 เดือนเต็ม ตั้งแต่ 1 มิถุนายน ถึง 30 กันยายน แต่รู้ไหมว่าช่วงนี้ที่เจ้าหน้าที่ทำงานหนักที่สุด! พวกเขาต้องซ่อมแซมทุกอย่างให้พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่สะพานไม้ ห้องน้ำ ไปจนถึงป้ายบอกทางที่ถูกช้างป่าพังเสียหาย
เส้นทางขึ้นภูกระดึงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ คุณต้องเดิน 5.5 กิโลเมตรแรกไปถึง "หลังแป" ก่อน แล้วต่อด้วยอีก 3.5 กิโลเมตรถึงจะถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง แต่ความเหนื่อยก็คุ้มค่าเมื่อได้เห็นวิวสวยๆ จากจุดชมวิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผาหมากดูกที่ชมพระอาทิตย์ตกได้สวยเหลือเชื่อ ผานกแอ่นที่มีทะเลหมอกสุดอลังการ หรือผาเหยียบเมฆที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่บนก้อนเมฆจริง ๆ ที่นี่ไม่ได้มีแค่วิวสวย ๆ แต่ยังเป็นบ้านของเหล่าสัตว์ป่าน่ารักมากมาย มีทั้งกวางป่าที่ชอบมาเดินเล่น หมาจิ้งจอกที่คอยกินเศษอาหาร (อย่าเพิ่งกลัว พวกมันไม่ดุเหมือนในการ์ตูนหรอก!) และช้างป่าที่ชอบมาทำลายข้าวของ จนเจ้าหน้าที่ต้องติดรั้วไฟฟ้าแรงต่ำไว้ป้องกัน
อยากนอนค้างคืนก็ไม่ต้องกังวล เพราะทางอุทยานมีบริการให้เช่าอุปกรณ์ครบครัน ทั้งถุงนอน หมอน และเบาะรองนอน ในราคาเพียงชุดละ 60 บาทต่อคืน และในช่วงปิดฤดูกาล เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกชิ้นอย่างพิถีพิถัน พิเศษสุดสำหรับคนที่อยากเป็นที่หนึ่ง! ทุกวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี ใครที่ขึ้นไปถึงหลังแปเป็นคนแรก จะได้รับรางวัลพิเศษจากทางอุทยาน เป็นประเพณีดีๆ ที่ทำต่อกันมาอย่างยาวนาน
ภูกระดึงยังเป็นบ้านของต้นไม้หายากหลายชนิด โดดเด่นที่สุดคือต้นเมเปิ้ล ที่จะเปลี่ยนใบเป็นสีแดงสวยงามในบางช่วงเวลา ทำให้ภูเขาทั้งลูกเหมือนถูกแต่งแต้มด้วยสีสันแห่งธรรมชาติ แม้จะอยู่บนภูเขาสูง แต่ที่นี่ก็ไม่ได้ล้าสมัย มีการใช้พลังงานสะอาดทั้งโซลาร์เซลล์และกังหันลมผลิตไฟฟ้า มีน้ำตกสวยๆ อย่างน้ำตกเพ็ญพบใหม่และน้ำตกถ้ำใหญ่คอยหล่อเลี้ยงผืนป่า ทำให้ภูกระดึงเป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติทุกคน
ติดตามชมได้ในรายการ Navigator วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 - 11.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมผ่านทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live