"ถ้าเกิดว่าไม่มีเมล็ดพันธุ์ ก็ไม่มีพืชพันธุ์" นี่คือคำพูดที่แสดงถึงความสำคัญของเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการพึ่งตนเองของเกษตรกร หลายคนอาจยังไม่รู้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่ทุ่มเทให้กับการเก็บรวบรวม อนุรักษ์ และแบ่งปันเมล็ดพันธุ์ พวกเขาคือ "นักเก็บเมล็ดพันธุ์" ที่พยายามรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของพืชพันธุ์ไว้ เพื่อความมั่นคงทางอาหารในอนาคต แม้ในวันที่โลกประสบกับภัยพิบัติ
พี่กอล์ฟ เกษตรกรนักเก็บเมล็ดพันธุ์ ที่ทำงานเก็บสะสมเมล็ดพันธุ์มาเป็นเวลากว่า 10 ปี เล่าว่า "เราเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้เวลาเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ" บนพื้นที่เพียง 3 งานกว่า พี่กอล์ฟสามารถปลูกพืชแบบผสมผสาน เลี้ยงไก่ และจัดการให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้สนใจการเกษตรแบบพึ่งพาตนเอง
ปัจจุบันพี่กอล์ฟเก็บสะสมเมล็ดพันธุ์ไว้ประมาณ 50 - 60 สายพันธุ์ ทั้งผักสลัดหลากหลายชนิด ผักพื้นบ้าน และพืชอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ชีหอมป้อม (ชีไทย) แตงไทย มะเขือเทศสีส้ม พริกกะเหรี่ยง ถั่วแปบ และข้าวโพดข้าวเหนียว
พี่กอล์ฟกล่าวถึงคลังเก็บเมล็ดพันธุ์ของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมเมล็ดพันธุ์จากทั่วโลก เก็บไว้ในพื้นที่ห่างไกลที่มีอากาศเย็น ใต้น้ำแข็ง เสมือนการแช่แข็งเมล็ดพันธุ์ไว้ เพื่อให้แม้เมื่อเกิดพายุหรือภัยพิบัติรุนแรง ก็ไม่สามารถทำลายเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ได้
"สังเกตว่ามันลดลงทุกปี ผักที่เราเคยกินมันเริ่มหายไปจากตลาด มันจะมีแต่ผักซ้ำ ๆ" พี่กอล์ฟสังเกตเห็นว่าความหลากหลายของพันธุ์พืชในตลาดลดลงเรื่อย ๆ จึงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์พันธุ์ดั้งเดิมไว้
ในอดีต เกษตรกรเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เอง ไม่ต้องซื้อ แต่ปัจจุบัน 80 - 90% ของเกษตรกรหันไปซื้อเมล็ดพันธุ์ เนื่องจากเข้าถึงตลาดได้ง่าย ทำให้ขาดการพึ่งพาตนเอง
"ข้อดีของการเก็บเมล็ดพันธุ์หนึ่งก็คือลดต้นทุนการผลิต" พี่กอล์ฟอธิบายว่า การเก็บเมล็ดพันธุ์จากสลัดเพียงไม่กี่ต้น สามารถใช้ปลูกได้ตลอดทั้งปี โดยไม่ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์
นอกจากขายผลผลิตเป็นผักสดแล้ว พี่กอล์ฟยังสามารถเพิ่มรายได้จากการขายเมล็ดพันธุ์และต้นกล้า
เมล็ดพันธุ์บางชนิดมีมูลค่าสูงมาก เช่น เมล็ดพันธุ์สลัด 1 กิโลกรัม อาจขายได้ถึง 30,000 บาท
"เราได้ช่วยเหลือกันในเครือข่าย สมมติว่ามีการเกิดภัยพิบัติ ช่วงนี้มันยิ่งมีภัยพิบัติเยอะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ไฟไหม้ อะไรแบบนี้ เราก็สามารถที่จะส่งไปช่วยกัน" พี่กอล์ฟกล่าวถึงการช่วยเหลือแบ่งปันเมล็ดพันธุ์ในเครือข่ายเกษตรกร
พี่กอล์ฟเล่าว่าแม้จะมาจากครอบครัวเกษตรกรชาวนา แต่พ่อแม่มองว่าอาชีพเกษตรกรลำบาก จึงส่งให้เรียนหนังสือสูงๆ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน ที่นั่นเอง พี่กอล์ฟได้พบกับพี่มัล (สามีในปัจจุบัน) ระหว่างการออกค่ายอาสาพัฒนา
หลังจากแต่งงานและมีลูกสาว (น้องมาตา) พี่กอล์ฟพบว่าลูกสาวมีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง จึงเริ่มปลูกผักปลอดสารเคมีเพื่อให้ลูกได้รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ประกอบกับพี่กอล์ฟทำงานส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ จึงนำความรู้มาปรับใช้ในการทำสวนของตัวเอง
ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
"ถ้าเกิดว่าไม่มีเมล็ดพันธุ์ ก็ไม่มีพืชพันธุ์" นี่คือคำพูดที่แสดงถึงความสำคัญของเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการพึ่งตนเองของเกษตรกร หลายคนอาจยังไม่รู้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่ทุ่มเทให้กับการเก็บรวบรวม อนุรักษ์ และแบ่งปันเมล็ดพันธุ์ พวกเขาคือ "นักเก็บเมล็ดพันธุ์" ที่พยายามรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของพืชพันธุ์ไว้ เพื่อความมั่นคงทางอาหารในอนาคต แม้ในวันที่โลกประสบกับภัยพิบัติ
พี่กอล์ฟ เกษตรกรนักเก็บเมล็ดพันธุ์ ที่ทำงานเก็บสะสมเมล็ดพันธุ์มาเป็นเวลากว่า 10 ปี เล่าว่า "เราเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้เวลาเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ" บนพื้นที่เพียง 3 งานกว่า พี่กอล์ฟสามารถปลูกพืชแบบผสมผสาน เลี้ยงไก่ และจัดการให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้สนใจการเกษตรแบบพึ่งพาตนเอง
ปัจจุบันพี่กอล์ฟเก็บสะสมเมล็ดพันธุ์ไว้ประมาณ 50 - 60 สายพันธุ์ ทั้งผักสลัดหลากหลายชนิด ผักพื้นบ้าน และพืชอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ชีหอมป้อม (ชีไทย) แตงไทย มะเขือเทศสีส้ม พริกกะเหรี่ยง ถั่วแปบ และข้าวโพดข้าวเหนียว
พี่กอล์ฟกล่าวถึงคลังเก็บเมล็ดพันธุ์ของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมเมล็ดพันธุ์จากทั่วโลก เก็บไว้ในพื้นที่ห่างไกลที่มีอากาศเย็น ใต้น้ำแข็ง เสมือนการแช่แข็งเมล็ดพันธุ์ไว้ เพื่อให้แม้เมื่อเกิดพายุหรือภัยพิบัติรุนแรง ก็ไม่สามารถทำลายเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ได้
"สังเกตว่ามันลดลงทุกปี ผักที่เราเคยกินมันเริ่มหายไปจากตลาด มันจะมีแต่ผักซ้ำ ๆ" พี่กอล์ฟสังเกตเห็นว่าความหลากหลายของพันธุ์พืชในตลาดลดลงเรื่อย ๆ จึงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์พันธุ์ดั้งเดิมไว้
ในอดีต เกษตรกรเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เอง ไม่ต้องซื้อ แต่ปัจจุบัน 80 - 90% ของเกษตรกรหันไปซื้อเมล็ดพันธุ์ เนื่องจากเข้าถึงตลาดได้ง่าย ทำให้ขาดการพึ่งพาตนเอง
"ข้อดีของการเก็บเมล็ดพันธุ์หนึ่งก็คือลดต้นทุนการผลิต" พี่กอล์ฟอธิบายว่า การเก็บเมล็ดพันธุ์จากสลัดเพียงไม่กี่ต้น สามารถใช้ปลูกได้ตลอดทั้งปี โดยไม่ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์
นอกจากขายผลผลิตเป็นผักสดแล้ว พี่กอล์ฟยังสามารถเพิ่มรายได้จากการขายเมล็ดพันธุ์และต้นกล้า
เมล็ดพันธุ์บางชนิดมีมูลค่าสูงมาก เช่น เมล็ดพันธุ์สลัด 1 กิโลกรัม อาจขายได้ถึง 30,000 บาท
"เราได้ช่วยเหลือกันในเครือข่าย สมมติว่ามีการเกิดภัยพิบัติ ช่วงนี้มันยิ่งมีภัยพิบัติเยอะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ไฟไหม้ อะไรแบบนี้ เราก็สามารถที่จะส่งไปช่วยกัน" พี่กอล์ฟกล่าวถึงการช่วยเหลือแบ่งปันเมล็ดพันธุ์ในเครือข่ายเกษตรกร
พี่กอล์ฟเล่าว่าแม้จะมาจากครอบครัวเกษตรกรชาวนา แต่พ่อแม่มองว่าอาชีพเกษตรกรลำบาก จึงส่งให้เรียนหนังสือสูงๆ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน ที่นั่นเอง พี่กอล์ฟได้พบกับพี่มัล (สามีในปัจจุบัน) ระหว่างการออกค่ายอาสาพัฒนา
หลังจากแต่งงานและมีลูกสาว (น้องมาตา) พี่กอล์ฟพบว่าลูกสาวมีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง จึงเริ่มปลูกผักปลอดสารเคมีเพื่อให้ลูกได้รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ประกอบกับพี่กอล์ฟทำงานส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ จึงนำความรู้มาปรับใช้ในการทำสวนของตัวเอง
ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live