ปากพนัง อำเภอแห่งความอุดมสมบูรณ์ของภาคใต้ คือที่ที่คุณจะได้พบกับ ทุเรียนน้ำ พืชพื้นถิ่นอันล้ำค่า ที่ไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพเรา วันนี้เรามาค้นหาความลับของ ทุเรียนน้ำ กันเถอะ!
หลายคนอาจยังไม่รู้จัก ทุเรียนน้ำ เพราะมักจะคุ้นเคยกับทุเรียนหมอนทองเป็นหลัก แต่ที่จริงแล้ว ทุเรียนน้ำ เป็นพืชพื้นถิ่นของปากพนังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก
ทุเรียนน้ำ เป็นไม้ผลชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับทุเรียน แต่จะมีผิวเปลือกที่ค่อนข้างบาง และมีหนามอ่อนนุ่ม ข้างในจะมีเนื้อสีขาวคล้ายกับน้อยหน่า และมีเมล็ดเช่นเดียวกัน การที่ชื่อเรียกว่า "ทุเรียนน้ำ" นั้น เนื่องจากเป็นพืชที่สามารถทนทานต่อการท่วมของน้ำได้ดี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีน้ำท่วมขังเป็นประจำ
นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว ทุเรียนน้ำ ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก เช่น มีใยอาหารที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันโรคอุจจาระร่วง และยังช่วยแก้ปัญหาเลือดออกตามไรฟัน อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจปลูก ทุเรียนน้ำ ในที่อื่น ๆ นอกเหนือจากปากพนังนั้น ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ควรเลือกพื้นที่ที่มีสภาพดินเหนียวและมีน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน เนื่องจาก ทุเรียนน้ำ เป็นพืชที่ทนทานต่อน้ำท่วมได้ดี
ในการเพาะปลูก ทุเรียนน้ำ นั้น เริ่มจากการเพาะเมล็ดในบ่อหรือแปลงที่มีปุ๋ยหมักผสมลงไป เพื่อให้ต้นกล้าเจริญเติบโตได้ดี หลังจากนั้นจึงย้ายปลูกลงดินโดยใช้วัสดุรองก้นหลุมเพื่อให้รากเจริญเติบโตได้ดี ระยะปลูกควรอยู่ที่ประมาณ 3 - 5 เมตร และควรรดน้ำให้ชุ่มชื้นสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง
เมื่อต้น ทุเรียนน้ำ มีอายุประมาณ 2 - 3 ปี ก็จะเริ่มออกดอกและติดผล ซึ่งจะให้ผลผลิตประมาณ 50 - 70 กิโลกรัมต่อต้น และเมื่อต้นแก่ขึ้นก็จะให้ผลผลิตมากขึ้นเป็น 100 - 150 กิโลกรัมต่อต้น นับเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
เมื่อก่อนการปลูก ทุเรียนน้ำ ของคุณทวี เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะต้องแอบปลูกและซ่อนเร้น เนื่องจากคนในชุมชนยังไม่คุ้นเคยกับพืชชนิดนี้ แต่ด้วยความตั้งใจและความมุ่งมั่น เขาก็สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และทำให้ ทุเรียนน้ำ กลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของปากพนังในปัจจุบัน
ทุกวันนี้ ทุเรียนน้ำ ของคุณทวีได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะจากลูกค้าในเมืองใหญ่ที่ต้องการชิมความอร่อยของผลไม้พื้นถิ่นแห่งนี้ ทำให้เขามีความมุ่งมั่นที่จะขยายพื้นที่ปลูกให้มากขึ้น และส่งเสริมให้คนในชุมชนปลูกตามเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว
นอกจากนี้ คุณทวียังมีความตั้งใจที่จะพัฒนา ทุเรียนน้ำ ให้เป็นสินค้าเจียระไนของปากพนัง โดยการสร้างศูนย์เรียนรู้และเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูก เพื่อให้คนทั่วไปได้รู้จักและเห็นคุณค่าของ ทุเรียนน้ำ มากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ ทุเรียนน้ำ กลายเป็นสัญลักษณ์ของปากพนังอย่างแท้จริง
ทุเรียนน้ำ คือพืชพื้นถิ่นที่ปากพนังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีประโยชน์มากมาย ไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับเรา
จากความท้าทายในอดีตสู่ความสำเร็จในปัจจุบัน ทุเรียนน้ำ กำลังก้าวสู่การเป็นสินค้าเจียระไนของปากพนัง ที่ถูกหยิบยกให้เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ของภาคใต้ ซึ่งจะทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักและเห็นคุณค่าของผลไม้พื้นถิ่นอันล้ำค่านี้มากยิ่งขึ้น
ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
ปากพนัง อำเภอแห่งความอุดมสมบูรณ์ของภาคใต้ คือที่ที่คุณจะได้พบกับ ทุเรียนน้ำ พืชพื้นถิ่นอันล้ำค่า ที่ไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพเรา วันนี้เรามาค้นหาความลับของ ทุเรียนน้ำ กันเถอะ!
หลายคนอาจยังไม่รู้จัก ทุเรียนน้ำ เพราะมักจะคุ้นเคยกับทุเรียนหมอนทองเป็นหลัก แต่ที่จริงแล้ว ทุเรียนน้ำ เป็นพืชพื้นถิ่นของปากพนังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก
ทุเรียนน้ำ เป็นไม้ผลชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับทุเรียน แต่จะมีผิวเปลือกที่ค่อนข้างบาง และมีหนามอ่อนนุ่ม ข้างในจะมีเนื้อสีขาวคล้ายกับน้อยหน่า และมีเมล็ดเช่นเดียวกัน การที่ชื่อเรียกว่า "ทุเรียนน้ำ" นั้น เนื่องจากเป็นพืชที่สามารถทนทานต่อการท่วมของน้ำได้ดี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีน้ำท่วมขังเป็นประจำ
นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว ทุเรียนน้ำ ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก เช่น มีใยอาหารที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันโรคอุจจาระร่วง และยังช่วยแก้ปัญหาเลือดออกตามไรฟัน อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจปลูก ทุเรียนน้ำ ในที่อื่น ๆ นอกเหนือจากปากพนังนั้น ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ควรเลือกพื้นที่ที่มีสภาพดินเหนียวและมีน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน เนื่องจาก ทุเรียนน้ำ เป็นพืชที่ทนทานต่อน้ำท่วมได้ดี
ในการเพาะปลูก ทุเรียนน้ำ นั้น เริ่มจากการเพาะเมล็ดในบ่อหรือแปลงที่มีปุ๋ยหมักผสมลงไป เพื่อให้ต้นกล้าเจริญเติบโตได้ดี หลังจากนั้นจึงย้ายปลูกลงดินโดยใช้วัสดุรองก้นหลุมเพื่อให้รากเจริญเติบโตได้ดี ระยะปลูกควรอยู่ที่ประมาณ 3 - 5 เมตร และควรรดน้ำให้ชุ่มชื้นสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง
เมื่อต้น ทุเรียนน้ำ มีอายุประมาณ 2 - 3 ปี ก็จะเริ่มออกดอกและติดผล ซึ่งจะให้ผลผลิตประมาณ 50 - 70 กิโลกรัมต่อต้น และเมื่อต้นแก่ขึ้นก็จะให้ผลผลิตมากขึ้นเป็น 100 - 150 กิโลกรัมต่อต้น นับเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
เมื่อก่อนการปลูก ทุเรียนน้ำ ของคุณทวี เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะต้องแอบปลูกและซ่อนเร้น เนื่องจากคนในชุมชนยังไม่คุ้นเคยกับพืชชนิดนี้ แต่ด้วยความตั้งใจและความมุ่งมั่น เขาก็สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และทำให้ ทุเรียนน้ำ กลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของปากพนังในปัจจุบัน
ทุกวันนี้ ทุเรียนน้ำ ของคุณทวีได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะจากลูกค้าในเมืองใหญ่ที่ต้องการชิมความอร่อยของผลไม้พื้นถิ่นแห่งนี้ ทำให้เขามีความมุ่งมั่นที่จะขยายพื้นที่ปลูกให้มากขึ้น และส่งเสริมให้คนในชุมชนปลูกตามเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว
นอกจากนี้ คุณทวียังมีความตั้งใจที่จะพัฒนา ทุเรียนน้ำ ให้เป็นสินค้าเจียระไนของปากพนัง โดยการสร้างศูนย์เรียนรู้และเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูก เพื่อให้คนทั่วไปได้รู้จักและเห็นคุณค่าของ ทุเรียนน้ำ มากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ ทุเรียนน้ำ กลายเป็นสัญลักษณ์ของปากพนังอย่างแท้จริง
ทุเรียนน้ำ คือพืชพื้นถิ่นที่ปากพนังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีประโยชน์มากมาย ไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับเรา
จากความท้าทายในอดีตสู่ความสำเร็จในปัจจุบัน ทุเรียนน้ำ กำลังก้าวสู่การเป็นสินค้าเจียระไนของปากพนัง ที่ถูกหยิบยกให้เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ของภาคใต้ ซึ่งจะทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักและเห็นคุณค่าของผลไม้พื้นถิ่นอันล้ำค่านี้มากยิ่งขึ้น
ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live