โรงเรียนผู้สูงอายุ ต.หัวง้ม อ.พาน จ.เชียงราย ไม่ได้เป็นแค่เพียงสถานที่ที่ให้ความรู้ทางด้านสุขอนามัย และธรรมะ หรือหลักวิชาชีวิตสำหรับผู้สูงวัยเท่านั้น แต่ที่นี่ยังทำหน้าที่เหมือนสวนสาธารณะทางอารมณ์ของผู้สูงอายุที่จะเอาความเหงา ความเศร้า ความทุกข์ มาปลดปล่อย และมารับรอยยิ้มจากเพื่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างหากที่มีคุณค่าสำคัญต่อการมีชีวิตอยู่ในทุกๆวันที่ต่อจากนี้ และนับเป็นเป้าหมายหลักของโรงเรียนผู้สูงอายุแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
คุณพันชนะ วัฒนเสถียร หรือ คุณเต้ วัย 46 ปี เป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า Grey Tsunami หรือ กลุ่มคนวัยเกิดล้าน หรือเบบี้บูมที่กำลังถาโถมกลายเป็นคลื่นผู้สูงอายุในอีกไม่นานนี้ เธอเป็นคนวัยทำงานคนที่จัดเข้าข่ายเป็น "มนุษย์บ้างาน" "พลังเหลือล้น" และมีคติว่า "ชีวิตสั้น จึงต้องใช้ชีวิตเต็มที่ราวกับวันนี้คือวันสุดท้ายของชีวิต" เสมอมา เมื่อลาออกจากงานประจำ ย้ายมาอยู่เขาใหญ่เมื่อสิบปีก่อน เธอตัดสินใจเปิดร้านอาหารอีสานเล็กๆ จากความคิดเริ่มต้นว่าจะอยากทำธุรกิจที่ช่วยรองรับลูกน้องเก่าสมัยที่เธอเป็นผู้จัดการฟาร์มผักที่ปิดตัวลง เนื่องจากพวกเขาเริ่มอายุเยอะ และการศึกษาน้อย ทำให้หางานทำที่อื่นได้ยาก จนปัจจุบันขยายสู่ความฝันการทำให้ร้านเป็น "ร้านอาหารชุมชน" ให้คนในชุมชนนำของมาฝากขาย จนร้านอาหารอีสานธรรมดาๆ จะดูคึกคักแปลกตาเป็นพิเศษในช่วงเสาร์อาทิตย์ และปิดเทอม เพราะที่นี่จะเต็มไปด้วยเด็กๆ และวัยรุ่น ที่เป็นเด็กแถวนั้น หรือลูกหลานของพนักงานมาช่วยกันทำงานที่ร้าน ร่วมกับคนวัยทำงานและผู้สูงวัย เพราะเธออยากเปิดให้ร้านเป็นพื้นแห่งโอกาสให้คนในชุมชนมีงานทำ และอยากให้ลูกๆ ได้อยู่กับพ่อแม่แทนที่จะถูกส่งไปอยู่กับตายาย หรือญาติที่อื่น
เธอยังคงใช้ชีวิตทุกวันหมดไปกับการทำงาน ทำงานเพื่อคนอื่น ทำงานเพื่อตัวเอง การเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตในช่วงบั้นปลายของเธอนั้นแทบจะไม่ได้อยู่ในแผนระยะยาวของเธอเลย จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เธอได้รับวินิจฉัยว่าเป็นโรคถุงน้ำดีในตับโป่งพอง ในระยะที่เกินกว่าจะรักษาด้วยการผ่าตัด เพราะมีซีสต์กระจายแทบเต็มตับแล้ว การเปลี่ยนอวัยวะเป็นทางออกคุณหมอแนะนำ แต่จนถึงตอนนี้เธอก็เลือกที่จะไม่เปลี่ยนตับ
พันชนะถูกอาการซึมเศร้าเล่นงานอยู่พักใหญ่ โจทย์ใหม่ในชีวิตทำให้เธอ พยายามอ่านหนังสือ ศึกษา และทำความเข้าใจกับโรคที่กำลังเผชิญ ต่อสู้กับความรู้ว่าพรุ่งนี้อาจจะไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกแทบทุกค่ำคืน และทำความเข้าใจสภาวะจิตใจตัวเอง จนค้นพบ แท้จริงแล้ว สิ่งที่เธอกลัวคือ ความเปลี่ยนแปลง และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เมื่อใจนิ่งขึ้น พันชนะบอกกับตัวเองว่ายังมีหลายสิ่งในชีวิตที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องร้านอาหารชุมชน เมื่อได้รับคำชักชวนให้ไปเยี่ยมชมโรงเรียนผู้สูงวัยที่ ต.หัวง้ม อ.พาน จ.เชียงราย โรงเรียนอันจากเกิดพลังและการจัดการแก้ปัญหากันเองในชุมชน เมื่อมีเวลา เธอรีบขับรถไปที่นั่นทันที เพราะคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะเป็นการเดินทางเพื่อพักผ่อน และมีประโยชน์สำหรับการช่วยก่อร่างสร้างให้ร้านอาหารชุมชนในฝันของเธอเข้มแข็งยิ่งขึ้น
การได้มีโอกาสใช้ชีวิตที่หัวง้มในช่วงเวลา 3-4 วัน เข้าร่วมชั้นเรียนที่โรงเรียนผู้สูงอายุ ต.หัวง้ม ใช้ชีวิตในชุมชน ทำให้เธอเห็น "พลังภายในชุมชน" ที่มีความจริงใจในการพยายามแก้ปัญหา เยียวยาผู้สูงวัย ความร่วมไม้ร่วมมือกันอย่างจริงใจ และเอาผู้สูงวัยเป็นตัวตั้ง การสัมผัสความอบอุ่นจากผู้เฒ่าผู้แก่ พูดคุยกับลุงๆ ป้าๆ รวมทั้งการได้ติดตามกลุ่มอาสาสมัครหมอน้อยคอยช่วยเหลือไปเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง การไปร่วมงานศพที่มีพิธีกรรมบางอย่างที่ต่างจากที่เธอเคยไปมา การเห็นพลังของเพื่อนร่วมโรงเรียนผู้สูงวัยรวมตัวกันไปงาน ไม่มีความโศกเศร้า แต่เป็นการระลึกถึงผู้จากไป ทำให้เธอสัมผัสถึงความน่าอัศจรรย์ใจของชุมชน และน่าที่ง การเดินทางครั้งนี้ ที่ทำให้เธอได้มีเวลาหยุดนิ่ง คิดทบทวนตัวเองอีกครั้ง
เธอเชื่อมั่นเสมอว่าชีวิตสามารถออกแบบได้ และการเดินทางครั้งนี้ ช่วยตอกย้ำสิ่งที่พระอาจารย์สอนว่า ชีวิตคือความอนิจจัง ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน จำนวนอายุ ไม่ได้บอกว่าเราจะมีเวลาเหลืออยู่บนโลกนี้น้อยหรือมากกว่ากัน โดยที่เราไม่มีทางรู้ และกำหนดได้ว่าเราจะมีเวลาเหลือเวลาอยู่บนโลกนี้อีกนานเท่าไหร่ แต่เราสามารถกำหนดได้ว่าอยากใช้เวลาที่เหลือบนโลกนี้อย่างไร
ติดตามชมได้ในรายการ GenO(LD) สูงวัยไปด้วยกัน วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม 2559 เวลา 21.10 - 22.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมสดผ่านทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
โรงเรียนผู้สูงอายุ ต.หัวง้ม อ.พาน จ.เชียงราย ไม่ได้เป็นแค่เพียงสถานที่ที่ให้ความรู้ทางด้านสุขอนามัย และธรรมะ หรือหลักวิชาชีวิตสำหรับผู้สูงวัยเท่านั้น แต่ที่นี่ยังทำหน้าที่เหมือนสวนสาธารณะทางอารมณ์ของผู้สูงอายุที่จะเอาความเหงา ความเศร้า ความทุกข์ มาปลดปล่อย และมารับรอยยิ้มจากเพื่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างหากที่มีคุณค่าสำคัญต่อการมีชีวิตอยู่ในทุกๆวันที่ต่อจากนี้ และนับเป็นเป้าหมายหลักของโรงเรียนผู้สูงอายุแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
คุณพันชนะ วัฒนเสถียร หรือ คุณเต้ วัย 46 ปี เป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า Grey Tsunami หรือ กลุ่มคนวัยเกิดล้าน หรือเบบี้บูมที่กำลังถาโถมกลายเป็นคลื่นผู้สูงอายุในอีกไม่นานนี้ เธอเป็นคนวัยทำงานคนที่จัดเข้าข่ายเป็น "มนุษย์บ้างาน" "พลังเหลือล้น" และมีคติว่า "ชีวิตสั้น จึงต้องใช้ชีวิตเต็มที่ราวกับวันนี้คือวันสุดท้ายของชีวิต" เสมอมา เมื่อลาออกจากงานประจำ ย้ายมาอยู่เขาใหญ่เมื่อสิบปีก่อน เธอตัดสินใจเปิดร้านอาหารอีสานเล็กๆ จากความคิดเริ่มต้นว่าจะอยากทำธุรกิจที่ช่วยรองรับลูกน้องเก่าสมัยที่เธอเป็นผู้จัดการฟาร์มผักที่ปิดตัวลง เนื่องจากพวกเขาเริ่มอายุเยอะ และการศึกษาน้อย ทำให้หางานทำที่อื่นได้ยาก จนปัจจุบันขยายสู่ความฝันการทำให้ร้านเป็น "ร้านอาหารชุมชน" ให้คนในชุมชนนำของมาฝากขาย จนร้านอาหารอีสานธรรมดาๆ จะดูคึกคักแปลกตาเป็นพิเศษในช่วงเสาร์อาทิตย์ และปิดเทอม เพราะที่นี่จะเต็มไปด้วยเด็กๆ และวัยรุ่น ที่เป็นเด็กแถวนั้น หรือลูกหลานของพนักงานมาช่วยกันทำงานที่ร้าน ร่วมกับคนวัยทำงานและผู้สูงวัย เพราะเธออยากเปิดให้ร้านเป็นพื้นแห่งโอกาสให้คนในชุมชนมีงานทำ และอยากให้ลูกๆ ได้อยู่กับพ่อแม่แทนที่จะถูกส่งไปอยู่กับตายาย หรือญาติที่อื่น
เธอยังคงใช้ชีวิตทุกวันหมดไปกับการทำงาน ทำงานเพื่อคนอื่น ทำงานเพื่อตัวเอง การเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตในช่วงบั้นปลายของเธอนั้นแทบจะไม่ได้อยู่ในแผนระยะยาวของเธอเลย จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เธอได้รับวินิจฉัยว่าเป็นโรคถุงน้ำดีในตับโป่งพอง ในระยะที่เกินกว่าจะรักษาด้วยการผ่าตัด เพราะมีซีสต์กระจายแทบเต็มตับแล้ว การเปลี่ยนอวัยวะเป็นทางออกคุณหมอแนะนำ แต่จนถึงตอนนี้เธอก็เลือกที่จะไม่เปลี่ยนตับ
พันชนะถูกอาการซึมเศร้าเล่นงานอยู่พักใหญ่ โจทย์ใหม่ในชีวิตทำให้เธอ พยายามอ่านหนังสือ ศึกษา และทำความเข้าใจกับโรคที่กำลังเผชิญ ต่อสู้กับความรู้ว่าพรุ่งนี้อาจจะไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกแทบทุกค่ำคืน และทำความเข้าใจสภาวะจิตใจตัวเอง จนค้นพบ แท้จริงแล้ว สิ่งที่เธอกลัวคือ ความเปลี่ยนแปลง และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เมื่อใจนิ่งขึ้น พันชนะบอกกับตัวเองว่ายังมีหลายสิ่งในชีวิตที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องร้านอาหารชุมชน เมื่อได้รับคำชักชวนให้ไปเยี่ยมชมโรงเรียนผู้สูงวัยที่ ต.หัวง้ม อ.พาน จ.เชียงราย โรงเรียนอันจากเกิดพลังและการจัดการแก้ปัญหากันเองในชุมชน เมื่อมีเวลา เธอรีบขับรถไปที่นั่นทันที เพราะคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะเป็นการเดินทางเพื่อพักผ่อน และมีประโยชน์สำหรับการช่วยก่อร่างสร้างให้ร้านอาหารชุมชนในฝันของเธอเข้มแข็งยิ่งขึ้น
การได้มีโอกาสใช้ชีวิตที่หัวง้มในช่วงเวลา 3-4 วัน เข้าร่วมชั้นเรียนที่โรงเรียนผู้สูงอายุ ต.หัวง้ม ใช้ชีวิตในชุมชน ทำให้เธอเห็น "พลังภายในชุมชน" ที่มีความจริงใจในการพยายามแก้ปัญหา เยียวยาผู้สูงวัย ความร่วมไม้ร่วมมือกันอย่างจริงใจ และเอาผู้สูงวัยเป็นตัวตั้ง การสัมผัสความอบอุ่นจากผู้เฒ่าผู้แก่ พูดคุยกับลุงๆ ป้าๆ รวมทั้งการได้ติดตามกลุ่มอาสาสมัครหมอน้อยคอยช่วยเหลือไปเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง การไปร่วมงานศพที่มีพิธีกรรมบางอย่างที่ต่างจากที่เธอเคยไปมา การเห็นพลังของเพื่อนร่วมโรงเรียนผู้สูงวัยรวมตัวกันไปงาน ไม่มีความโศกเศร้า แต่เป็นการระลึกถึงผู้จากไป ทำให้เธอสัมผัสถึงความน่าอัศจรรย์ใจของชุมชน และน่าที่ง การเดินทางครั้งนี้ ที่ทำให้เธอได้มีเวลาหยุดนิ่ง คิดทบทวนตัวเองอีกครั้ง
เธอเชื่อมั่นเสมอว่าชีวิตสามารถออกแบบได้ และการเดินทางครั้งนี้ ช่วยตอกย้ำสิ่งที่พระอาจารย์สอนว่า ชีวิตคือความอนิจจัง ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน จำนวนอายุ ไม่ได้บอกว่าเราจะมีเวลาเหลืออยู่บนโลกนี้น้อยหรือมากกว่ากัน โดยที่เราไม่มีทางรู้ และกำหนดได้ว่าเราจะมีเวลาเหลือเวลาอยู่บนโลกนี้อีกนานเท่าไหร่ แต่เราสามารถกำหนดได้ว่าอยากใช้เวลาที่เหลือบนโลกนี้อย่างไร
ติดตามชมได้ในรายการ GenO(LD) สูงวัยไปด้วยกัน วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม 2559 เวลา 21.10 - 22.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมสดผ่านทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live