ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นคน GEN Z หรือ GEN Y จะมีแนวความคิดว่า ในการทํางานของพวกเราต้องมีสมดุลระหว่างการทํางานกับชีวิต การทํางานแบบทุ่มเทสุดชีวิตแบบ GEN Baby boomer และ GEN X นั้นอาจจะไม่เวิร์ก
ในยุคปัจจุบันนี้ ความคิดแบบ work life balance อาจจะไม่ใช่คำตอบสำหรับการทำงานอีกต่อไป เพราะตลาดงานต้องการคนที่ work smart มากกว่าการเสียสละชีวิตส่วนตัวเพื่องาน
การทำงานแบบ work smart คือการทำงานอย่างชาญฉลาด โดยมุ่งเน้นการใช้เวลาและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะช่วยให้เรามีสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว หรือที่เรียกว่า work life balance ได้ ในขณะที่ยังคงสามารถรักษาระดับผลงานและความสำเร็จในอาชีพไว้ได้
แต่ในขณะเดียวกัน ผลการสำรวจจากเว็บไซต์ ResumeBuildler.com กลับพบว่า Gen Z เป็นรุ่นที่ยากที่สุดในการทำงาน และมีอัตราการถูกไล่ออกเร็วที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์แรก เนื่องจากขาดความตั้งใจในการทำงาน ตั้งเงื่อนไขมากเกินไป และมีความอ่อนไหวต่อการวิพากษ์วิจารณ์
ด้านนายจ้างหรือผู้ประกอบการ มักมองว่าพนักงานที่มีแนวคิดแบบ work life balance มีความ "demanding" หรือเรียกร้องมากเกินไป ซึ่งอาจไม่ตรงกับความต้องการของธุรกิจที่ต้องการคนทุ่มเทและมุ่งมั่นในการทำงาน
ในขณะที่พนักงานรุ่นใหม่ต้องการความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว มากกว่าการเลื่อนตำแหน่งและผลตอบแทนที่สูงขึ้น ดังจะเห็นได้จากการสำรวจของ Workmonitor ที่พบว่า 39% ของพนักงานไม่ต้องการเลื่อนตำแหน่ง และ 34% ไม่ต้องการก้าวสู่ตำแหน่งบริหารเลย
การที่จะประสบความสำเร็จในยุคนี้ พนักงานจำเป็นต้อง work smart คือการทำงานอย่างชาญฉลาด โดยใช้เวลาและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถรักษาสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวไว้ได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถส่งมอบผลงานที่มีคุณภาพสูงให้นายจ้างได้
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/104134
https://www.thaipbs.or.th/program/catchup/106061
รับชมตอนอื่น ๆ จากรายการเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live
ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นคน GEN Z หรือ GEN Y จะมีแนวความคิดว่า ในการทํางานของพวกเราต้องมีสมดุลระหว่างการทํางานกับชีวิต การทํางานแบบทุ่มเทสุดชีวิตแบบ GEN Baby boomer และ GEN X นั้นอาจจะไม่เวิร์ก
ในยุคปัจจุบันนี้ ความคิดแบบ work life balance อาจจะไม่ใช่คำตอบสำหรับการทำงานอีกต่อไป เพราะตลาดงานต้องการคนที่ work smart มากกว่าการเสียสละชีวิตส่วนตัวเพื่องาน
การทำงานแบบ work smart คือการทำงานอย่างชาญฉลาด โดยมุ่งเน้นการใช้เวลาและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะช่วยให้เรามีสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว หรือที่เรียกว่า work life balance ได้ ในขณะที่ยังคงสามารถรักษาระดับผลงานและความสำเร็จในอาชีพไว้ได้
แต่ในขณะเดียวกัน ผลการสำรวจจากเว็บไซต์ ResumeBuildler.com กลับพบว่า Gen Z เป็นรุ่นที่ยากที่สุดในการทำงาน และมีอัตราการถูกไล่ออกเร็วที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์แรก เนื่องจากขาดความตั้งใจในการทำงาน ตั้งเงื่อนไขมากเกินไป และมีความอ่อนไหวต่อการวิพากษ์วิจารณ์
ด้านนายจ้างหรือผู้ประกอบการ มักมองว่าพนักงานที่มีแนวคิดแบบ work life balance มีความ "demanding" หรือเรียกร้องมากเกินไป ซึ่งอาจไม่ตรงกับความต้องการของธุรกิจที่ต้องการคนทุ่มเทและมุ่งมั่นในการทำงาน
ในขณะที่พนักงานรุ่นใหม่ต้องการความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว มากกว่าการเลื่อนตำแหน่งและผลตอบแทนที่สูงขึ้น ดังจะเห็นได้จากการสำรวจของ Workmonitor ที่พบว่า 39% ของพนักงานไม่ต้องการเลื่อนตำแหน่ง และ 34% ไม่ต้องการก้าวสู่ตำแหน่งบริหารเลย
การที่จะประสบความสำเร็จในยุคนี้ พนักงานจำเป็นต้อง work smart คือการทำงานอย่างชาญฉลาด โดยใช้เวลาและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถรักษาสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวไว้ได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถส่งมอบผลงานที่มีคุณภาพสูงให้นายจ้างได้
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/104134
https://www.thaipbs.or.th/program/catchup/106061
รับชมตอนอื่น ๆ จากรายการเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live