จีนโดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าให้ชาติยากจนกู้เงิน จนมีหนี้สินล้นพ้นตัว ส่งผลให้ประเทศเหล่านี้ตกอยู่ในอิทธิพลของชาติมหาอำนาจแห่งเอเชีย หนี้ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt & Road Initiative - BRI) ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งเริ่มเมื่อปี 2013 หลายประเทศติดหนี้จนเกือบเท่าตัวเลขจีดีพีของตัวเอง จนตอนนี้หลาย ๆ ประเทศเริ่มหาทางออกในเรื่องนี้ หนึ่งในประเทศที่ทำได้สำเร็จในระดับที่น่าพอใจ คือมาเลเซีย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน และคุณวัชราทิตย์ เกษศรี จะมาเปิดเส้นทางมาเลเซียหลุดพ้นกับดักหนี้จีน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มาเลเซีย ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกับ จีน เป็นอย่างมาก ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการกู้ยืมเงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม มาเลเซีย ได้มองเห็นความเสี่ยงของการพึ่งพิงเศรษฐกิจจีนเพียงฝ่ายเดียว และได้เริ่มดำเนินนโยบายเพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจ
ในปัจจุบัน มาเลเซีย ได้ดำเนินนโยบายเพื่อลดการพึ่งพิงเศรษฐกิจ จีน ลง โดยการเพิ่มสัดส่วนการค้าและการลงทุนกับประเทศอื่น ๆ มากขึ้น เช่น ประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะไทยและสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นคู่ค้าและคู่ลงทุนที่สำคัญ นอกจากนี้ มาเลเซีย ยังได้เข้าร่วมในข้อตกลงการค้าระดับภูมิภาค เช่น RCEP และ CPTPP เพื่อขยายฐานการค้าและการลงทุนไปยังตลาดอื่น ๆ ด้วย
ในช่วงที่ผ่านมา มาเลเซีย เคยเป็นประเทศที่มีหนี้สินกับ จีน ในระดับที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน มาเลเซีย ได้ดำเนินมาตรการเพื่อจัดการหนี้สินกับ จีน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการปรับโครงสร้างหนี้ การเจรจาต่อรองเงื่อนไขการกู้ยืม และการใช้รายได้จากโครงการเพื่อชำระหนี้ ส่งผลให้สัดส่วนหนี้ต่อ GDP ของ มาเลเซีย ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากการปรับตัวด้านเศรษฐกิจแล้ว มาเลเซีย ยังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยได้ผลักดันเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติ ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้ มาเลเซีย ยังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและลดการพึ่งพิงต่างชาติ
ด้วยความมุ่งมั่นในการปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มาเลเซีย มีโอกาสที่จะหลุดพ้นจาก กับดักหนี้จีน และเดินหน้าสู่เศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว โดยการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการผลักดันเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะช่วยให้ มาเลเซีย สามารถรับมือกับความท้าทายในอนาคตได้อย่างมั่นคง
ในช่วงที่ผ่านมา มาเลเซีย ได้ดำเนินนโยบายเพื่อลดการพึ่งพิงเศรษฐกิจ จีน และกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ โดยการขยายฐานการค้าและการลงทุนไปยังประเทศอื่น ๆ มากขึ้น รวมทั้งการจัดการหนี้สินกับ จีน อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ มาเลเซีย ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ด้วยความมุ่งมั่นในการปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มาเลเซีย มีโอกาสที่จะหลุดพ้นจาก กับดักหนี้จีน และเดินหน้าสู่เศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/104409
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/104135
ติดตามชมช่วงเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live
จีนโดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าให้ชาติยากจนกู้เงิน จนมีหนี้สินล้นพ้นตัว ส่งผลให้ประเทศเหล่านี้ตกอยู่ในอิทธิพลของชาติมหาอำนาจแห่งเอเชีย หนี้ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt & Road Initiative - BRI) ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งเริ่มเมื่อปี 2013 หลายประเทศติดหนี้จนเกือบเท่าตัวเลขจีดีพีของตัวเอง จนตอนนี้หลาย ๆ ประเทศเริ่มหาทางออกในเรื่องนี้ หนึ่งในประเทศที่ทำได้สำเร็จในระดับที่น่าพอใจ คือมาเลเซีย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน และคุณวัชราทิตย์ เกษศรี จะมาเปิดเส้นทางมาเลเซียหลุดพ้นกับดักหนี้จีน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มาเลเซีย ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกับ จีน เป็นอย่างมาก ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการกู้ยืมเงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม มาเลเซีย ได้มองเห็นความเสี่ยงของการพึ่งพิงเศรษฐกิจจีนเพียงฝ่ายเดียว และได้เริ่มดำเนินนโยบายเพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจ
ในปัจจุบัน มาเลเซีย ได้ดำเนินนโยบายเพื่อลดการพึ่งพิงเศรษฐกิจ จีน ลง โดยการเพิ่มสัดส่วนการค้าและการลงทุนกับประเทศอื่น ๆ มากขึ้น เช่น ประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะไทยและสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นคู่ค้าและคู่ลงทุนที่สำคัญ นอกจากนี้ มาเลเซีย ยังได้เข้าร่วมในข้อตกลงการค้าระดับภูมิภาค เช่น RCEP และ CPTPP เพื่อขยายฐานการค้าและการลงทุนไปยังตลาดอื่น ๆ ด้วย
ในช่วงที่ผ่านมา มาเลเซีย เคยเป็นประเทศที่มีหนี้สินกับ จีน ในระดับที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน มาเลเซีย ได้ดำเนินมาตรการเพื่อจัดการหนี้สินกับ จีน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการปรับโครงสร้างหนี้ การเจรจาต่อรองเงื่อนไขการกู้ยืม และการใช้รายได้จากโครงการเพื่อชำระหนี้ ส่งผลให้สัดส่วนหนี้ต่อ GDP ของ มาเลเซีย ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากการปรับตัวด้านเศรษฐกิจแล้ว มาเลเซีย ยังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยได้ผลักดันเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติ ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้ มาเลเซีย ยังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและลดการพึ่งพิงต่างชาติ
ด้วยความมุ่งมั่นในการปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มาเลเซีย มีโอกาสที่จะหลุดพ้นจาก กับดักหนี้จีน และเดินหน้าสู่เศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว โดยการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการผลักดันเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะช่วยให้ มาเลเซีย สามารถรับมือกับความท้าทายในอนาคตได้อย่างมั่นคง
ในช่วงที่ผ่านมา มาเลเซีย ได้ดำเนินนโยบายเพื่อลดการพึ่งพิงเศรษฐกิจ จีน และกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ โดยการขยายฐานการค้าและการลงทุนไปยังประเทศอื่น ๆ มากขึ้น รวมทั้งการจัดการหนี้สินกับ จีน อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ มาเลเซีย ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ด้วยความมุ่งมั่นในการปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มาเลเซีย มีโอกาสที่จะหลุดพ้นจาก กับดักหนี้จีน และเดินหน้าสู่เศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/104409
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/104135
ติดตามชมช่วงเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live