การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้นมักเป็นประเด็นถกเถียงที่ร้อนแรงในวงการเศรษฐกิจไทย โดยฝ่ายรัฐบาลมักต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อช่วยลดภาระทางการเงินของประชาชน และกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเองก็มีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินและการเงินการคลังของประเทศ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์ว่า การลดดอกเบี้ยนโยบาย จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทย และกลุ่มคนต่าง ๆ
เมื่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศขึ้น คง หรือลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อดูแลอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย บางคนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ความจริงแล้ว กลไกการทำงานของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะส่งผลต่อเงินเฟ้อและระบบเศรษฐกิจผ่านพฤติกรรมของเราและธุรกิจนั่นเอง การที่รัฐบาลอยากให้ลดดอกเบี้ยนโยบาย ใครได้-ใครเสีย ? ไปฟังจากดร.วิทย์ สิทธิเวคิน
ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า "ดอกเบี้ยนโยบาย" หมายถึงอะไร ดอกเบี้ยนโยบายเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดขึ้น โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งจะเป็นอัตราอ้างอิงสำหรับการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือดอกเบี้ยเงินฝาก
ดังนั้น เมื่อ ธปท. ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบาย ก็จะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินอื่นๆ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทั้งผู้กู้เงินและผู้ฝากเงิน
การลดดอกเบี้ยนโยบาย จะส่งผลกระทบต่อคนสองกลุ่มหลัก คือ ผู้กู้เงินและผู้ฝากเงิน โดยมีรายละเอียดดังนี้:
เมื่อ ธปท. ลดดอกเบี้ยนโยบาย ลง ก็จะทำให้ภาระดอกเบี้ยที่ผู้กู้เงินต้องจ่ายลดลง สำหรับสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อ SME และสินเชื่อวงเงินเบิกเกินบัญชี ซึ่งจะปรับลดตามการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้ผู้กู้เงินมีภาระทางการเงินลดลง
ในทางกลับกัน ผู้ที่มีเงินฝากในธนาคาร จะได้รับผลกระทบในทางลบ เนื่องจากเมื่อ ธปท. ลดดอกเบี้ยนโยบาย ลง ธนาคารพาณิชย์ก็จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตามไปด้วย ส่งผลให้ผู้ฝากเงินได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากลดลง
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลล่าสุด พบว่าคนไทยส่วนใหญ่มีเงินฝากในธนาคารไม่เกิน 50,000 บาทต่อบัญชี ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวค่อนข้างน้อย ดังนั้น การปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย จึงอาจส่งผลกระทบต่อผู้ฝากเงินรายย่อยไม่มากนัก
นอกจากผลกระทบต่อผู้กู้และผู้ฝากเงินแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้การลดดอกเบี้ยนโยบาย อาจไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่คาดหวัง ได้แก่:
ในปัจจุบัน มีสินเชื่อหลายประเภทที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (fixed rate) ไม่ผันแปรตามดอกเบี้ยนโยบาย เช่น สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต ดังนั้น การลดดอกเบี้ยนโยบาย จะไม่ส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยของกลุ่มลูกหนี้เหล่านี้ลดลง
ข้อมูลล่าสุดพบว่า หนี้ครัวเรือนของคนไทยอยู่ในระดับสูงมาก คิดเป็นกว่า 90% ของ GDP ซึ่งหมายความว่า การลดดอกเบี้ยนโยบาย อาจไม่ได้ช่วยบรรเทาภาระหนี้สินของประชาชนมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่
การลดดอกเบี้ยนโยบาย อาจทำให้ผู้ที่มีเงินฝากในธนาคารเกิดความไม่พอใจ เนื่องจากดอกเบี้ยเงินฝากจะลดลง จึงอาจเป็นแรงจูงใจให้คนนำเงินออกจากระบบธนาคารไปลงทุนในรูปแบบอื่น เช่น พันธบัตร ทองคำ หรือประกัน ซึ่งอาจส่งผลให้เงินทุนในระบบการเงินลดลง
การลดดอกเบี้ยนโยบาย อาจทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้น
จากการวิเคราะห์ข้างต้น จะเห็นได้ว่า การลดดอกเบี้ยนโยบาย มีทั้งผลดีและผลเสียต่อกลุ่มคนต่างๆ ในสังคม โดยจะช่วยลดภาระทางการเงินของผู้กู้เงิน แต่จะกระทบต่อรายได้ของผู้ฝากเงิน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้การลดดอกเบี้ยนโยบาย ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่คาดหวัง เช่น ลักษณะของสินเชื่อ ภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง ผลกระทบต่อเงินฝาก และผลกระทบด้านอัตราแลกเปลี่ยน
ดังนั้น การตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบาย จึงต้องคำนึงถึงผลกระทบในมิติต่างๆ อย่างรอบด้าน เพื่อให้การตัดสินใจนั้นสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง และส่งผลดีต่อทุกภาคส่วน
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/99113
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/104247
ติดตามชมช่วงเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้นมักเป็นประเด็นถกเถียงที่ร้อนแรงในวงการเศรษฐกิจไทย โดยฝ่ายรัฐบาลมักต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อช่วยลดภาระทางการเงินของประชาชน และกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเองก็มีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินและการเงินการคลังของประเทศ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์ว่า การลดดอกเบี้ยนโยบาย จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทย และกลุ่มคนต่าง ๆ
เมื่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศขึ้น คง หรือลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อดูแลอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย บางคนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ความจริงแล้ว กลไกการทำงานของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะส่งผลต่อเงินเฟ้อและระบบเศรษฐกิจผ่านพฤติกรรมของเราและธุรกิจนั่นเอง การที่รัฐบาลอยากให้ลดดอกเบี้ยนโยบาย ใครได้-ใครเสีย ? ไปฟังจากดร.วิทย์ สิทธิเวคิน
ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า "ดอกเบี้ยนโยบาย" หมายถึงอะไร ดอกเบี้ยนโยบายเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดขึ้น โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งจะเป็นอัตราอ้างอิงสำหรับการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือดอกเบี้ยเงินฝาก
ดังนั้น เมื่อ ธปท. ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบาย ก็จะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินอื่นๆ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทั้งผู้กู้เงินและผู้ฝากเงิน
การลดดอกเบี้ยนโยบาย จะส่งผลกระทบต่อคนสองกลุ่มหลัก คือ ผู้กู้เงินและผู้ฝากเงิน โดยมีรายละเอียดดังนี้:
เมื่อ ธปท. ลดดอกเบี้ยนโยบาย ลง ก็จะทำให้ภาระดอกเบี้ยที่ผู้กู้เงินต้องจ่ายลดลง สำหรับสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อ SME และสินเชื่อวงเงินเบิกเกินบัญชี ซึ่งจะปรับลดตามการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้ผู้กู้เงินมีภาระทางการเงินลดลง
ในทางกลับกัน ผู้ที่มีเงินฝากในธนาคาร จะได้รับผลกระทบในทางลบ เนื่องจากเมื่อ ธปท. ลดดอกเบี้ยนโยบาย ลง ธนาคารพาณิชย์ก็จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตามไปด้วย ส่งผลให้ผู้ฝากเงินได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากลดลง
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลล่าสุด พบว่าคนไทยส่วนใหญ่มีเงินฝากในธนาคารไม่เกิน 50,000 บาทต่อบัญชี ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวค่อนข้างน้อย ดังนั้น การปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย จึงอาจส่งผลกระทบต่อผู้ฝากเงินรายย่อยไม่มากนัก
นอกจากผลกระทบต่อผู้กู้และผู้ฝากเงินแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้การลดดอกเบี้ยนโยบาย อาจไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่คาดหวัง ได้แก่:
ในปัจจุบัน มีสินเชื่อหลายประเภทที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (fixed rate) ไม่ผันแปรตามดอกเบี้ยนโยบาย เช่น สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต ดังนั้น การลดดอกเบี้ยนโยบาย จะไม่ส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยของกลุ่มลูกหนี้เหล่านี้ลดลง
ข้อมูลล่าสุดพบว่า หนี้ครัวเรือนของคนไทยอยู่ในระดับสูงมาก คิดเป็นกว่า 90% ของ GDP ซึ่งหมายความว่า การลดดอกเบี้ยนโยบาย อาจไม่ได้ช่วยบรรเทาภาระหนี้สินของประชาชนมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่
การลดดอกเบี้ยนโยบาย อาจทำให้ผู้ที่มีเงินฝากในธนาคารเกิดความไม่พอใจ เนื่องจากดอกเบี้ยเงินฝากจะลดลง จึงอาจเป็นแรงจูงใจให้คนนำเงินออกจากระบบธนาคารไปลงทุนในรูปแบบอื่น เช่น พันธบัตร ทองคำ หรือประกัน ซึ่งอาจส่งผลให้เงินทุนในระบบการเงินลดลง
การลดดอกเบี้ยนโยบาย อาจทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้น
จากการวิเคราะห์ข้างต้น จะเห็นได้ว่า การลดดอกเบี้ยนโยบาย มีทั้งผลดีและผลเสียต่อกลุ่มคนต่างๆ ในสังคม โดยจะช่วยลดภาระทางการเงินของผู้กู้เงิน แต่จะกระทบต่อรายได้ของผู้ฝากเงิน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้การลดดอกเบี้ยนโยบาย ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่คาดหวัง เช่น ลักษณะของสินเชื่อ ภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง ผลกระทบต่อเงินฝาก และผลกระทบด้านอัตราแลกเปลี่ยน
ดังนั้น การตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบาย จึงต้องคำนึงถึงผลกระทบในมิติต่างๆ อย่างรอบด้าน เพื่อให้การตัดสินใจนั้นสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง และส่งผลดีต่อทุกภาคส่วน
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/99113
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/104247
ติดตามชมช่วงเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live