ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทย ไม่ค่อยแสดงสัญญาณการขยายตัวที่น่าพอใจ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า การเมืองไทย ที่ไม่มีเสถียรภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ความจริงแล้วการพิจารณาความเชื่อมโยงระหว่าง การเมือง และ เศรษฐกิจ ไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะร่วมกันค้นหาความจริงในประเด็นนี้ได้อย่างไร
เมื่อเราพูดถึง "เสถียรภาพทางการเมือง" นั่นหมายถึงความมั่นคงและความต่อเนื่องของการบริหารประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงผู้นำหรือรัฐบาลเท่านั้น แต่รวมถึงนโยบายหลักที่ถูกส่งต่อไปยังรัฐบาลรุ่นต่อ ๆ ไป และการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารประเทศที่ไม่บ่อยครั้งจนเกินไป
ความเสถียรภาพทางการเมืองเปรียบเสมือนเรือที่มั่นคงและสามารถนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลหรือผู้นำอาจเปลี่ยนไป แต่ทิศทางหลักในการบริหารประเทศก็ยังคงเดินหน้าอย่างสอดคล้องกัน ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและประชาชน
การศึกษาทางเศรษฐศาสตร์พบว่า ประเทศที่ขาดเสถียรภาพทางการเมืองมีโอกาสที่ GDP จะลดลงได้ถึง 1.2-1.5% เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น:
ในทางตรงกันข้าม ประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมืองจะสามารถกำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องและมีทิศทางชัดเจน ซึ่งจะเอื้อต่อการวางแผนและการลงทุนของภาคธุรกิจ นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน
หลายประเทศที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย เช่น จีน เวียดนาม และสิงคโปร์ก็สามารถบรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีได้ เนื่องจากมีเสถียรภาพทางการเมืองที่ชัดเจน แม้ว่ารูปแบบการปกครองจะแตกต่างกัน
ในทางกลับกัน ประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตย เช่น อิตาลี หรือแม้แต่อังกฤษ ก็มักประสบปัญหาการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจ
ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า เสถียรภาพทางการเมืองนั้นมีความสำคัญมากกว่ารูปแบบการปกครอง สิ่งสำคัญคือการมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาประเทศ และการดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่องไม่ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เมื่อมองถึงประเทศไทย จะเห็นได้ว่า แม้จะมีการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มักมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองค่อนข้างบ่อย ทั้งการยุบสภา การเปลี่ยนรัฐบาล หรือแม้แต่การเกิดรัฐประหาร ซึ่งส่งผลให้นโยบายเศรษฐกิจขาดความต่อเนื่อง
นอกจากนี้ นโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองก็มักจะมีลักษณะคล้ายกัน เช่น การสัญญาจะทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น และกระจายความเจริญไปทั่วประเทศ แต่ในทางปฏิบัติ กลับขาดความชัดเจนว่า "ดีขึ้น" หมายถึงอะไร และจะทำให้เป็นจริงได้อย่างไร
ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า ประเทศไทยยังขาดเสถียรภาพทางการเมืองในหลายมิติ ทั้งความต่อเนื่องของนโยบาย การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร และความชัดเจนของเป้าหมายการพัฒนาประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
จากการวิเคราะห์ข้างต้น จะเห็นได้ว่า เศรษฐกิจ และ การเมือง มีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องของ "เสถียรภาพทางการเมือง" ที่มีผลต่อความมั่นคงและความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลต่อการลงทุน การเติบโต และความเจริญก้าวหน้าของประเทศในระยะยาว
ดังนั้น หากประเทศไทยต้องการให้ เศรษฐกิจ มีการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน จำเป็นต้องสร้างเสถียรภาพทางการเมืองควบคู่ไปด้วย ทั้งในเรื่องของความต่อเนื่องของนโยบาย การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารที่เหมาะสม และการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาประเทศที่ชัดเจน เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
ติดตามชมช่วงเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทย ไม่ค่อยแสดงสัญญาณการขยายตัวที่น่าพอใจ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า การเมืองไทย ที่ไม่มีเสถียรภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ความจริงแล้วการพิจารณาความเชื่อมโยงระหว่าง การเมือง และ เศรษฐกิจ ไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะร่วมกันค้นหาความจริงในประเด็นนี้ได้อย่างไร
เมื่อเราพูดถึง "เสถียรภาพทางการเมือง" นั่นหมายถึงความมั่นคงและความต่อเนื่องของการบริหารประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงผู้นำหรือรัฐบาลเท่านั้น แต่รวมถึงนโยบายหลักที่ถูกส่งต่อไปยังรัฐบาลรุ่นต่อ ๆ ไป และการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารประเทศที่ไม่บ่อยครั้งจนเกินไป
ความเสถียรภาพทางการเมืองเปรียบเสมือนเรือที่มั่นคงและสามารถนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลหรือผู้นำอาจเปลี่ยนไป แต่ทิศทางหลักในการบริหารประเทศก็ยังคงเดินหน้าอย่างสอดคล้องกัน ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและประชาชน
การศึกษาทางเศรษฐศาสตร์พบว่า ประเทศที่ขาดเสถียรภาพทางการเมืองมีโอกาสที่ GDP จะลดลงได้ถึง 1.2-1.5% เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น:
ในทางตรงกันข้าม ประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมืองจะสามารถกำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องและมีทิศทางชัดเจน ซึ่งจะเอื้อต่อการวางแผนและการลงทุนของภาคธุรกิจ นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน
หลายประเทศที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย เช่น จีน เวียดนาม และสิงคโปร์ก็สามารถบรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีได้ เนื่องจากมีเสถียรภาพทางการเมืองที่ชัดเจน แม้ว่ารูปแบบการปกครองจะแตกต่างกัน
ในทางกลับกัน ประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตย เช่น อิตาลี หรือแม้แต่อังกฤษ ก็มักประสบปัญหาการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจ
ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า เสถียรภาพทางการเมืองนั้นมีความสำคัญมากกว่ารูปแบบการปกครอง สิ่งสำคัญคือการมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาประเทศ และการดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่องไม่ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เมื่อมองถึงประเทศไทย จะเห็นได้ว่า แม้จะมีการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มักมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองค่อนข้างบ่อย ทั้งการยุบสภา การเปลี่ยนรัฐบาล หรือแม้แต่การเกิดรัฐประหาร ซึ่งส่งผลให้นโยบายเศรษฐกิจขาดความต่อเนื่อง
นอกจากนี้ นโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองก็มักจะมีลักษณะคล้ายกัน เช่น การสัญญาจะทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น และกระจายความเจริญไปทั่วประเทศ แต่ในทางปฏิบัติ กลับขาดความชัดเจนว่า "ดีขึ้น" หมายถึงอะไร และจะทำให้เป็นจริงได้อย่างไร
ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า ประเทศไทยยังขาดเสถียรภาพทางการเมืองในหลายมิติ ทั้งความต่อเนื่องของนโยบาย การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร และความชัดเจนของเป้าหมายการพัฒนาประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
จากการวิเคราะห์ข้างต้น จะเห็นได้ว่า เศรษฐกิจ และ การเมือง มีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องของ "เสถียรภาพทางการเมือง" ที่มีผลต่อความมั่นคงและความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลต่อการลงทุน การเติบโต และความเจริญก้าวหน้าของประเทศในระยะยาว
ดังนั้น หากประเทศไทยต้องการให้ เศรษฐกิจ มีการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน จำเป็นต้องสร้างเสถียรภาพทางการเมืองควบคู่ไปด้วย ทั้งในเรื่องของความต่อเนื่องของนโยบาย การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารที่เหมาะสม และการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาประเทศที่ชัดเจน เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
ติดตามชมช่วงเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live