“แอนนา เสืองามเอี่ยม” นางงามจากกองขยะ สาวสวยผู้เข้ารอบ 30 คนสุดท้าย จากเวทีประกวดนางสาวไทย เล่าถึงชีวิตวัยเด็กว่า เธอมีคุณแม่ที่มีอาชีพเป็นพนักงานเย็บผ้า เมื่อเริ่มมีรายได้ไม่พอ คุณแม่ต้องหางานทำเพิ่มด้วยการกวาดขยะ ตั้งแต่ตี 3 ถึง 7 โมงเช้า ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเงินไม่พอและต้องหาขยะมาขายอีก นั่นทำให้คุณแม่ทำงานเพิ่มอีก 2 ที่ กลายเป็น 3 ที่ต่อวัน
แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกยากจนหรือไม่เคยรู้สึกขาด เพราะเธอคิดว่า “บางอย่างเมื่อเราเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่น มันไม่เท่าคนอื่น ตอนหนูอยู่วัด ไม่มีโอกาสที่จะได้กิน แต่ที่ได้กิน คือข้าวจากก้นบาตรพระ สุดท้ายแล้วก็ทำให้เราเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ เราจึงไม่ได้มองว่ามันเป็นจุดด้อยกว่าคนอื่น เราไม่ได้คิดมากที่ถูกพูดว่าเป็นนางงามจากกองขยะ อยากให้ทุกคนอย่าไปจดจ่อกับโชคชะตาที่เราลิขิตไม่ได้ อยากให้จดจ่อกับสิ่งที่เราจะทำมากกว่า เราเกิดมาแล้ว เราต้องทำตัวเองให้มันดีที่สุด”
เธอบอกอย่างภูมิใจว่า “ไม่ว่าเราจะมาจากที่ไหน เราก็สามารถไปสู่ความฝันได้ มาจากกองขยะ เราก็เป็นนางงามได้ ตามความฝันของเรา”
ชมย้อนหลังรายการ บ้าน-พลัง-ใจ ได้ทาง www.thaipbs.or.th/BaanPaLungJai
“แอนนา เสืองามเอี่ยม” นางงามจากกองขยะ สาวสวยผู้เข้ารอบ 30 คนสุดท้าย จากเวทีประกวดนางสาวไทย เล่าถึงชีวิตวัยเด็กว่า เธอมีคุณแม่ที่มีอาชีพเป็นพนักงานเย็บผ้า เมื่อเริ่มมีรายได้ไม่พอ คุณแม่ต้องหางานทำเพิ่มด้วยการกวาดขยะ ตั้งแต่ตี 3 ถึง 7 โมงเช้า ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเงินไม่พอและต้องหาขยะมาขายอีก นั่นทำให้คุณแม่ทำงานเพิ่มอีก 2 ที่ กลายเป็น 3 ที่ต่อวัน
แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกยากจนหรือไม่เคยรู้สึกขาด เพราะเธอคิดว่า “บางอย่างเมื่อเราเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่น มันไม่เท่าคนอื่น ตอนหนูอยู่วัด ไม่มีโอกาสที่จะได้กิน แต่ที่ได้กิน คือข้าวจากก้นบาตรพระ สุดท้ายแล้วก็ทำให้เราเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ เราจึงไม่ได้มองว่ามันเป็นจุดด้อยกว่าคนอื่น เราไม่ได้คิดมากที่ถูกพูดว่าเป็นนางงามจากกองขยะ อยากให้ทุกคนอย่าไปจดจ่อกับโชคชะตาที่เราลิขิตไม่ได้ อยากให้จดจ่อกับสิ่งที่เราจะทำมากกว่า เราเกิดมาแล้ว เราต้องทำตัวเองให้มันดีที่สุด”
เธอบอกอย่างภูมิใจว่า “ไม่ว่าเราจะมาจากที่ไหน เราก็สามารถไปสู่ความฝันได้ มาจากกองขยะ เราก็เป็นนางงามได้ ตามความฝันของเรา”
ชมย้อนหลังรายการ บ้าน-พลัง-ใจ ได้ทาง www.thaipbs.or.th/BaanPaLungJai