"ลาเวนเดอร์" ไม่ใช่พืชท้องถิ่นแห่งอเมริกา มีถิ่นกำเนิดในตะวันออกกลาง และอินเดีย ในศตวรรษที่ 7 ชาวอาหรับนำลาเวนเดอร์เข้าไปยังสเปน ต่อมาผู้ตั้งถิ่นฐานในสเปน ได้นำเข้ามาปลูกในอเมริกาอีกที ส่วนสถานที่ที่มีการปลูกลาเวนเดอร์มากที่สุด จนได้ฉายาว่า "เมืองหลวงแห่งลาเวนเดอร์แห่งทวีปอเมริกาเหนือ" เป็นเมืองเล็ก ๆ บนคาบสมุทรโอลิมปิก ในรัฐวอชิงตัน มีชื่อว่า เมือง Sequim (สควิม) มาจากภาษาพื้นเมือง แปลว่า ผืนน้ำที่สงบและสวยงาม ทั้งนี้ ลาเวนเดอร์ชอบแดดจัด และอากาศแห้ง ซึ่งเหมาะกับพื้นที่ของวอชิงตันตะวันตกที่เป็นจุดเงาฝน ส่วนฟองสีขาวที่เห็นติดอยู่บริเวณดอกลาเวนเดอร์ คือน้ำลายของพวกแมลงที่พ่นออกมาเพื่อใช้ซ่อนตัว ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
ชมย้อนหลังรายการ A Life on the Road ถนน คน ชีวิต ได้ทาง www.thaipbs.or.th/ALife
"ลาเวนเดอร์" ไม่ใช่พืชท้องถิ่นแห่งอเมริกา มีถิ่นกำเนิดในตะวันออกกลาง และอินเดีย ในศตวรรษที่ 7 ชาวอาหรับนำลาเวนเดอร์เข้าไปยังสเปน ต่อมาผู้ตั้งถิ่นฐานในสเปน ได้นำเข้ามาปลูกในอเมริกาอีกที ส่วนสถานที่ที่มีการปลูกลาเวนเดอร์มากที่สุด จนได้ฉายาว่า "เมืองหลวงแห่งลาเวนเดอร์แห่งทวีปอเมริกาเหนือ" เป็นเมืองเล็ก ๆ บนคาบสมุทรโอลิมปิก ในรัฐวอชิงตัน มีชื่อว่า เมือง Sequim (สควิม) มาจากภาษาพื้นเมือง แปลว่า ผืนน้ำที่สงบและสวยงาม ทั้งนี้ ลาเวนเดอร์ชอบแดดจัด และอากาศแห้ง ซึ่งเหมาะกับพื้นที่ของวอชิงตันตะวันตกที่เป็นจุดเงาฝน ส่วนฟองสีขาวที่เห็นติดอยู่บริเวณดอกลาเวนเดอร์ คือน้ำลายของพวกแมลงที่พ่นออกมาเพื่อใช้ซ่อนตัว ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
ชมย้อนหลังรายการ A Life on the Road ถนน คน ชีวิต ได้ทาง www.thaipbs.or.th/ALife