วันนี้ (13 ก.พ.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่รอบพื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่เวลา 15.20 น.กลุ่มราษฎร เริ่มทยอยเข้ามาในพื้นที่ โดยนำรถบรรทุกเครื่องขยายเสียงมาจอดรอทำกิจกรรม “นับ 1 ถึงล้าน” ท่ามกลางตำรวจ ที่เริ่มวางแผงเหล็ก จัดระเบียบทางสัญจร วางกำลังอำนวยความปลอดภัยและคัดกรองประชาชนที่อาจเสี่ยงต่อการเแพร่ระบาด COVID-19
เวลา 15.25 น. พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก.สน.สำราญราษฎร์ อ่านประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ขอให้ยุติการชุมนุม เพราะขัดต่อกฎหมาย ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุม เริ่มเผชิญหน้ากับตำรวจ โห่ไล่ตำรวจออกจากพื้นที่ชุมนุม จนตำรวจต้องถอยร่นออกจากพื้นที่ และปิดการจราจรรอบวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ขณะเดียวกันได้นำผ้าแดงขนาด 30x30 เมตรมาปูบนถนน บนถนนราชดำเนินกลาง ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ที่กลุ่มราษฎรได้จัดขึ้นภายใต้ชื่อว่า "นับหนึ่งถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน" โดยให้ผู้ร่วมชุมนุมเขียนข้อความ เพื่อเตรียมนำไปห่มอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และตามกำหนดกิจกรรม พรุ่งนี้ (14 ก.พ.) กลุ่มราษฎร จะนำผ้าแดงไปห่มพระบรมบรรพต วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
เวลา 16.00 ประชาชน ยังทยอยเดินทางมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยเตรียมเครื่องครัวมาเคาะด้วย
คุลมผ้าสีแดงปิดล้อมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
เวลา 17.30 น. ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ให้มวลชนนำต้นไม้ที่วางประดับอยู่โดยรอบ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ออกจากพื้นที่ โดยมีผู้ร่วมชุมนุมต่อแถวส่งต่อไปวางเรียงไว้บนฟุตบาท โดยไม่มีตำรวจมาขัดขวางการทำกิจกรรม จากนั้นจะนำผืนผ้าสีแดงปิดล้อมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ในอดีตประชาชนเข้าพื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยได้ สามารถแสดงออกทางการเมืองได้ แต่ตอนนี้มีการนำโครงเหล็กมาติดตั้ง ล้อมรั้ว ปิดกั้นพื้นที่สาธารณะ การนำต้นไม้มาวางเป็นการเหยียบย่ำเสรีภาพของประชาชน เป็นการประกาศว่ารัฐกำลังทำร้ายประชาชน
เวลา 18.15 น. ป้ายผ้าสีแดง ที่มวลชนกลุ่มราษฎร เขียนข้อความต่างๆถูกนำขึ้นปิดล้อมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรม นับหนึ่งถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน จากนั้นเวลา 18.35น. กลุ่มราษฎรเคลื่อนขบวนไปศาลหลักเมือง
ขีดเส้น 7 วันชุมชุมใหญ่ต่อรองปล่อย 4 แกนนำ
เสียงคล้ายปะทัด! วุ่น หลังยุติชุมนุมสนามหลวง
