สธ.ยัน "โรคมือเท้าปาก" ไม่กลายพันธุ์

 

ทำให้เกิดข้อสังเกต เกี่ยวกับเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคมือเท้าปากที่ทำให้เกิดอาการรุนแรง ว่าอาจจะเป็นเชื้อสายพันธุ์ใหม่ หรือเชื้อที่เกิดการกลายพันธุ์หรือไม่  แต่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมายืนยันแล้วว่า เป็นเชื้อที่มีอยู่แล้ว และหมุนเวียนการระบาดไปทุกปี คาดอัตราการป่วยจะลดลงภายใน 4-6 สัปดาห์

 

นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ผู้อำนวยการสำนักโรคอุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า การระบาดของโรคในกลุ่มเด็กขณะนี้ ไม่ใช่เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือ การกลายพันธุ์ สาเหตุของโรคเกิดจากเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 และค็อกซากี เอ 6 และเอ 16 ซึ่งขณะนี้พบเชื้อค็อกซากี เอ 6 มากที่สุด ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่อยู่ในธรรมชาติ และหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงการระบาดไปทุกปี และการพบเด็กชั้นประถมศึกษาติดเชื้อด้วยถือเป็นเรื่องปกติ เพราะกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี สามารถติดเชื้อได้ตามตามหลักเกณฑ์อยู่แล้ว เพียงแต่จะพบการระบาดมากที่สุดในกลุ่มเด็กต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งเชื่อว่าการระบาดจะต่อเนื่องไปอีก 4-6 สัปดาห์ ก่อนที่อัตราการป่วยจะค่อยๆ ลดลง

 

ด้านนพ.พรเทพ ศิริวนา รังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แนะนำผู้ปกครองหากพบบุตรหลานป่วย นอกเหนือจากอาการตุ่มพองแล้ว ยังมีอาการไข้สูง เซื่องซึม ควรรีบนำส่งโรงพยาบาล เนื่องจากเป็นการแสดงว่าเชื้อเข้าสู่สมอง อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่บางรายอาจไม่มีอาการตุ่มพองร่วม ขึ้นอยู่กับชนิดของไวรัสที่ติดเชื้อ

 

ขณะที่ผศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชียวชาญด้านไวรัสวิทยา ยืนยันเชื้อที่ระบาดขณะนี้ ไม่มีการกลายพันธุ์จนไปถึงถึงเกิดการระบาดในผู้ใหญ่ได้

 

อย่างไรก็ตาม จากกระแสข่าวพบเด็กอายุ 2 ขวบ เสียชีวิตด้วยโรคมือเท้าปากที่โรคพยาบาลนพรัตน์ราชธานี หลังเข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม และ เสียชีวิตในวันที่ 17 กรกฎาคม แพทย์โรงพยาบาลระบุเบื้องต้นว่า เด็กเสียชีวิตจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และไม่พบผื่นตามตัวเด็ก ทั้งนี้ ได้ส่งเลือดผู้ป่วยตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อยืนยันผล โดยคาดว่าผลตรวจจะออกมาในสัปดาห์หน้า