เทคนิค Auto-Tune กับคุณค่าเสียงร้องที่หายไป
เฟรด โรเจอส์ พิธีกรรายการวิทยาศาสตร์สำหรับครอบครัวของช่อง PBS ที่จากไปกว่า 9 ปี แต่ กลับมาโด่งดังอีกครั้ง จากมิคสิควิดีโอที่นำประโยคเด็ดในรายการมาตัดต่อใหม่เป็นเสียงร้องได้อย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยเทคนิค Auto-Tune ช่วยให้เสียงที่ไม่อยู่ในคีย์กลับมาตรงคีย์อย่างง่ายดาย
Auto-Tune เป็นซอฟแวร์ที่ประดิษฐ์ขึ้นเมื่อปี 1997 โดย แอนดี้ ฮิลเดอแบรนด์ วิศวกรที่ดัดแปลงเครื่องมือวัดคลื่นแผ่นดินไหวมาใช้เป็นโปรแกรมช่วยปรับ เสียงร้องของแขกในงานปาร์ตี้ ด้วยวิธีการเปลี่ยนความถี่เสียง ช่วยให้เสียงสามารถขึ้นสูงหรือลงต่ำ โดยยังคงรักษาธรรมชาติของเนื้อเสียงไว้คงเดิม
Auto-Tune เคยเป็นที่รู้จักในชื่อ Cher Effect ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในเพลง Believe ของแชร์ ในปี 1998 ก่อนที่จะแพร่หลายในกลุ่มศิลปินชื่อดังมากมาย เช่น T Pain แร็ปเปอร์ชื่อดังที่ใช้ Auto-Tune เป็นเอกลักษณ์ทำให้ศิลปินวงการฮิปฮอปไม่น้อยหันมาร้องเพลงด้วยวิธีนี้ จนมีการผลิตแอปลิเคชั่นสำหรับไอโฟนในชื่อ I Am T-Pain ที่ปรับเสียงพูดธรรมชาติเป็นเสียง Auto-Tune โดยอัตโนมัติ
แต่เครื่องมือที่ผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือนักร้องสมัครเล่น กลับกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในวงการเพลงปัจจุบัน เมื่อศิลปินไม่น้อยหันมาพึ่ง Auto-Tune เพื่อแก้ความผิดพลาดในการร้องเพลง โดยวิศวกรเสียงระดับรางวัลแกรมมีเปิดใจกับนิตยสารไทม์เมื่อปี 2009 ว่าบริทนีย์ สเปียร์ส จนถึงนักร้องบอลลีวูดเคยขอร้องให้เขาช่วยแก้เสียงด้วย Auto-Tune ซึ่ง แทบแยกความแตกต่างของนักร้องยุคใหม่ไม่ได้เมื่อทุกคนมีเสียงร้องที่สมบูรณ์ แบบด้วยเทคโนโลยี ตั้งแต่ในห้องอัดจนถึงการใช้ในแสดงคอนเสิร์ต
เสียงวิจารณ์นับพันข้อความบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ในรายการ X Factor ประเทศอังกฤษเมื่อปี 2010 ที่ใช้ Auto-Tune มาแก้ไขข้อบกพร่องของเสียงผู้เข้าประกวด สะท้อนความไม่พอใจต่อการใช้เทคโนโลยีนี้เพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ โดย Jay-Z ได้แต่งเพลง D.O.A. (Death of Auto-Tune) ประนามการใช้ Auto-Tune ยังมีสมาชิกวง Death Cab for Cutie และแฟนเพลง ที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้เทคนิคนี้ ขณะที่ เทรย์ ปาร์คเกอร์ ผู้สร้าง South Park ได้นำ Auto-Tune มาร้องล้อเลียนในการ์ตูน ซึ่งเขายอมรับว่าต้องเป็นนักร้องที่แย่มากถึงจะร้องเพลงออกมาเช่นนั้นได้