พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีดังกล่าวกับ "ไทยพีบีเอส" ว่า การขยายผลในแง่ของคดี ผบก.จว.นครศรีธรรมราช จะเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนในเรื่องของตัวบุคคลที่มีเจ้าหน้าที่เรือนจำเข้าไปเกี่ยวข้องจะเป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งต้องมีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อไป ซึ่งวานนี้ ( 23 เม.ย.) ได้มีการหารือกับ ผบก.จว.นครศรีธรรมราชในเรื่องดังกล่าวตลอดเวลา ซึ่งได้ยืนยันไปว่า หากมีเจ้าหน้าที่คนใดเข้าไปเกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด โดยหากมีพยานเชื่อมโยงถึงใครให้ดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องเกรงใจกัน
"หากมีข้อมูลที่ชัดเจนทางกรมราชทัณฑ์มีมาตรการดำเนินการทั้ง การปลดออก ใล่ออก หรือ ย้ายออกจากพื้นที่ได้ทันที" อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวยืนยัน และว่า เชื่อว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่ในมือสามารถดำเนินคดีทางปกครองได้แล้ว ส่วนเรื่องในของคดีอาญาเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาอีกสักพักในการออกหมายจับบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
นอกจากนี้การสุ่มตรวจเรือนจำทั่วประเทศต่อไปต้องมีสถิติ หรือ ข้อมูลจากสายข่าวที่ชัดเจน เพราะหากตรวจไปทุกที่จะเป็นการบั่นทอนกำลังใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่เรือนจำต่าง ๆ ได้ ซึ่งการจู่โจมตรวจสอบเรือนจำครั้งต่อไปต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน พบการปล่อยปละละเลย มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง อย่างเช่นวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาได้เข้าตรวจค้นเรือนจำกลางอยุธยา พบพยานหลักฐานที่พบถูกทิ้งจำนวนมาก แต่ไม่สามารถติดตามตรวจสอบได้ ซึ่งมีมาตรการไม่รัดกุมเพียงพอ แต่การตรวจค้นเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชที่ผ่านมา ได้เอาบทเรียนดังกล่าวมาใช้จึงประสบผลสำเร็จ
"ทางกรมมีนโยบายที่ชัดเจนว่า หากมีเจ้าหน้าที่คนใดเข้าไปเกี่ยวข้องจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ซึ่งมาตรการต่อไปต้องดูไปที่บุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าว และ เครื่องมือที่ช่วยในการทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องของผู้บริหารที่จะต้องดำเนินการแก้ไขต่อไป"
ส่วนการย้ายนักโทษยาเสพติดรายใหญ่ไปเรือนจำเขาบินนั้น ไม่ได้ดูที่นักโทษที่ต้องโทษอัตราสูง แต่ดูที่มีพฤติการณ์เข้าไปติดต่อสั่งซื้อยาเสพติดกับบุคคลภายนอกหรือไม่ เพราะเรือนจำทั้ง 143 แห่งมีที่เรือนจำเขาบินแห่งเดียวที่มีความพร้อมในการตัดสัญญาณมือถือ
แท็กที่เกี่ยวข้อง: