ความขัดแย้งกำแพงกั้นน้ำรอบนิคมอุตสาหกรรม
นางกัลยาณี จูปรางค์ ประกาศเจตนารมณ์เรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ชาวบ้านรอบสวนอุตสาหกรรมโรจนะในอำเภออุทัย และอำเภอใกล้เคียงมากขึ้น หากยังมีการสร้างกำแพงป้องกันน้ำท่วมรอบสวนอุตสาหกรรม เพราะเชื่อว่าจะทำให้ชาวบ้านถูกน้ำท่วมสูงขึ้น โดยชาวบ้านกว่า 20 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวนาที่อยู่รอบๆ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ มารวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และลงชื่อหนังสือ เพื่อยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมประจำจังหวัดรับหนังสือแทน โดยขอให้รัฐบาลช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 12,000 บาท และให้บ้านที่ติดสวนอุตสาหกรรมหลังละ 100,000 บาท และขอให้บริหารจัดการน้ำให้ไหลผ่านได้เร็วขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบกิจการอพาร์ตเมนต์ ร้านค้า และพนักงานโรงงานในสวนอุตสาหกรรมโรจนะส่วนหนึ่งสนับสนุนการสร้างกำแพงรอบสวนอุตสาหกรรม
นางสุภาพร พูนอ้อย เจ้าของอพาร์ทเมนต์ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้เช่าห้องพักเพียง 22 ห้อง จากทั้งหมดที่มี 60 ห้อง โดยก่อนหน้าน้ำท่วมมีผู้เช่าเกือบเต็มทุกห้อง จึงสูญเสียรายได้ไปมาก โดยปกติต้องจ่ายธนาคารเดือนละกว่า 75,000 บาท แต่ช่วงนี้จ่ายได้เพียง 30,000 กว่าบาท ขณะที่ลูกชายอีก 2 คนที่เคยเป็นวิศวกรในสวนอุตสาหกรรมก็ถูกเลิกจ้าง
ด้านประธานกลุ่มอุตสาหกรรมภาคกลางตอนบน 1 กล่าวว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นแหล่งจ้างงานของชาวบ้านทั้งในจังหวัด และต่างจังหวัดกว่า 260,000 คน โดยน้ำท่วมปีที่แล้วสร้างความเสียหายกว่า 200,000 ล้านบาท ขณะนี้มีกำลังผลิตเพียงร้อยละ 20 - 30 ดังนั้น จึงต้องสร้างกำแพงป้องกันน้ำท่วมเพื่อสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุน ขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องชดเชยเยียวยาให้แก่ชาวบ้านรอบนิคมตามความเหมาะสมด้วย
การสร้างกำแพงรอบสวนอุตสาหกรรมโรจนะซึ่งมีความยาว 77 กิโลเมตร ขณะนี้สร้างไปแล้วร้อยละ 10 โดยใช้ชีทไพล์ซึ่งมีความยาว 8 เมตรฝังลงใต้ดินลึก 6 - 7 เมตร จึงเห็นเป็นกำแพงสูงกว่า 1 เมตร บนคันดินสูงประมาณ 2 เมตร และจะมีการวางคานทับบนชีทไพล์อีก 50 เซนติเมตร ทำให้กำแพงรอบสวนอุตสาหกรรมรวมคันดินสูงประมาณ 4 เมตร โดยตามแผนจะสร้างเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้ ความหวังของชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างกำแพงรอบนิคมคือความชัดเจนในการเยียวยาจากรัฐบาล