ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ชาวกระบี่ขอเวลา 3 ปีพิสูจน์พลังงานทดแทน

สังคม
14 ก.ค. 58
11:38
229
Logo Thai PBS
ชาวกระบี่ขอเวลา 3 ปีพิสูจน์พลังงานทดแทน

เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน แถลงจุดยืนค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ ที่ทาง กฟผ.จะเปิดซื้อซองประกวดราคาในวันที่ 22 ก.ค.นี้ โดยขอเวลา 3 ปีพิสูจน์พลังงานทดแทน ขณะที่ตัวแทนรัฐบาลรับข้อเสนอดังกล่าวเพื่อส่งต่อข้อมูลให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา

กว่า 80 ชั่วโมงแล้ว ที่เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน 2 คน นั่งอดอาหาร คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ด้านหน้ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เงื่อนไขเดียวที่เรียกร้องคือรัฐบาลต้องล้มเลิกโครงการนี้ทันที

เครือข่ายปกป้องอันดามันฯมั่นใจว่า แม้ไม่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินชาวจังหวัดกระบี่ก็ยังมีไฟฟ้าใช้เพียงพอโดยอ้างอิงจากข้อมูลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ระบุถึงกำลังการผลิตไฟฟ้าพึ่งได้ในปัจจุบันของภาคใต้อยู่ที่ 3,887.7 เมกะวัตต์ โดยค่าการใช้ไฟฟ้าสูงสุด ณ วันที่ 26 เม.ย.2557 อยู่ที่ 2,467.7 เมกะวัตต์ หมายความว่า ยังมีไฟฟ้าเหลือใช้อีกกว่า 1,400 เมกะวัตต์

ส่วนพลังงานทดแทนจากปาล์มและน้ำเสียจากโรงงานปาล์มที่นำไปสู่กระบวนการผลิตไฟฟ้าขณะนี้ทั้ง 11 แห่ง ใน จ.กระบี่ สามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึงกว่าร้อยละ 47 จากปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งจังหวัดกว่า 120 เมกะวัตต์ อีกทั้งโรงไฟฟ้าจากน้ำมันเตา ของ กฟผ.เดิมก็มีกำลังการผลิตถึง 350 เมกะวัตต์

สถานการณ์การใช้ไฟฟ้ารวมถึงภาพรวมของพลังงานทดแทนนี้เองทำให้เครือข่ายปกป้องอันดามันฯ ขอเวลา 3 ปี พิสูจน์ให้รัฐบาลเห็นถึงแนวทางการใช้พลังงานทดแทนอย่างยั่งยืน แม้ยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนจากรัฐบาลในการตอบรับข้อเสนอนี้แต่นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในฐานะตัวแทนรัฐบาลยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงการออกมาคัดค้านของเครือข่ายฯและพร้อมนำข้อเสนอต่าง ๆ ส่งถึงนายกรัฐมนตรีทันที รวมถึงการขอให้ กฟผ.ยุติการเปิดยื่นซองประกวดราคาก่อสร้างโรงไฟฟ้าในวันที่ 22 ก.ค.นี้

ความพยายามของ กฟผ.ตั้งราคากลาง ในการเปิดให้เอกชน ยื่นซองประกวดราคาไว้ที่ 49,500 ล้านบาทนั้น ถูกมองว่าเป็นการดำเนินการทั้งที่ กระบวนการรายงาน EIA และ EHIA ยังไม่ครอบคลุมและไม่สมบูรณ์เพียงพอ

งานวิจัยของเครือข่ายปกป้องอันดามันยังพบด้วยว่า นักท่องเที่ยวร้อยละ 87 จะไม่กลับมาเที่ยว จ.กระบี่ หากมีโรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าจะกระทบการท่องเที่ยวฝั่งอันดามันที่สร้างรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 300,000 ล้านบาท


ข่าวที่เกี่ยวข้อง