กรณีสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ในฐานะชุดตรวจสอบมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ สุ่มตรวจสอบที่ เกาะสี่-เกาะแปด อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และพบการจำหน่ายตั๋วส่อไม่โปร่งใส
วันนี้ (27 มี.ค.2568) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ปัญหาการทุจริตจัดเก็บรายได้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติมีมานานแล้ว โดยเฉพาะในอุทยานเกรด A ในฝั่งอันดามัน
ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งการฉีกตั๋วผี ไม่สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะ และการเก็บรายได้แบบเหมาจ่ายกับผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวบางราย แบ่งรายได้ส่วนต่างค่าหัวนักท่องเที่ยว ระหว่างผู้ประกอบการและอุทยานฯ เจ้าของพื้นที่
ทำให้รายได้ของอุทยานฯ เกรด A เฉลี่ยวันละ 1.2 ล้านบาท หายไป 400,000-500,000 บาท ซึ่งข้อมูลรายได้ทั้งหมด กรมอุทยานฯ มองเห็นตัวเลขทุกวัน
อ่านข่าว "อธิบดีกรมอุทยานฯ" สั่งสอบย้อนหลัง ปมฉีกตั๋วหมู่เกาะสิมิลัน

ตุกติกจัดเก็บรายได้อุทยาน
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า แม้ว่าปัญหาทุจริตเป็นเรื่องตัวบุคคล แต่อธิบดีกรมอุทยานทราบดีว่าได้แต่งตั้งใครลงไปเป็นหัวหน้าอุทยาน เพราะเป็นคนเซ็นลงนามคำสั่งโยกย้าย ดังนั้นควรแสดงความรับผิดชอบ
อธิบดีกรมอุทยาน และผอ.สำนักอุทยานฯ จะเห็นตัวเลขรายได้จะเห็นทุกวัน และเริ่มเห็นความผิดปกติชัดเจนและเห็นตั้งแต่ช่วงธ.ค.-ม.ค.แล้ว เพราะยอดที่ส่งให้กับผู้ใหญ่เยอะมาก
วิธีการโกงโดยใช้คน เช่น เปลี่ยนจากต่างชาติเป็นคนไทย และใช้เทคนิคเปลี่ยนจำนวนนักท่องเที่ยว จากที่เคยจำกัดนักท่องเที่ยว ก็ไม่จำกัดเรือเข้ามารอบทิศ และมีการดีลเป็นรายเดือน แต่ทั้งหมดผ่านการเมืองท้องถิ่น
อ่านข่าว ย้ายด่วน! หัวหน้า อช.หมู่เกาะสิมิลัน สอบปมขายตั๋วส่อไม่โปร่งใส

ปปท.-ป.ป.ช.สุ่มตรวจการเก็บเงินรายได้เข้าอุทยานแห่งชาติสิมิลัน
ปปท.-ป.ป.ช.สุ่มตรวจการเก็บเงินรายได้เข้าอุทยานแห่งชาติสิมิลัน
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ระบุว่า สั่งย้ายว่าที่ ร.อ.ฤทธิกรณ์ นุ่นลอย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิมิลันไปประจำที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 นครศรีธรรมราชแล้ว พร้อมตั้งคณะกรรม การสอบสวนข้อเท็จจริงทันที หากพบว่ามีมูล ก็จะต้องถูกสอบสวนทางวินัย
นอกจากนี้ มอบหมายให้คณะกรรมการติดตามการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ ตรวจสอบเงินรายได้ทุกอุทยานทั่วประเทศย้อนหลัง โดยเฉพาะอุทยานทางทะเลฝั่งอันดามัน ว่ามีการจัดเก็บโปร่งใสหรือไม่ พร้อมประสานข้อมูลกับ ป.ป.ช.
ไม่ได้มองว่าถูกดิสเครดิต สามารถชี้แจงได้เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนคุมยาก แต่พอเห็นปัญหาก็รีบเคลียร์ และจะทำหน้าที่ให้เต็มที่ ในฐานะผู้บังคับบัญชาต้องทำให้โปร่งใส
อ่านข่าว เปิดไทม์ไลน์ ใช้ "E - Ticket" หวังปิดช่องทุจริตขายตั๋วเข้าอุทยานฯ
เส้นทางทุจริตั๋วผีสิมิลัน
ชุดเฉพาะกิจฉลามอันดามันของ ป.ป.ช. สุ่มตรวจเรือสปีดโบท ของบริษัท ซีสตาร์ อันดามัน ขณะจอดเทียบชายหาดหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา และภาพนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา
จากข้อมูลการลงทะเบียนชองนักท่องเที่ยว ผ่านระบบ E-ticket จ่ายค่าเข้าอุทยานเเกาะสิมิลัน ระบุว่า ในวันนั้น จะมีนักท่องเที่ยวคนไทย 4 คน และ ชาวต่างชาติ อีก 5 คน รวมแค่ 9 คน เดินทางไปเที่ยวแบบเช้ากลับเย็น หรือวันเดย์ทริป
นั่นหมายว่า อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จะมีรายได้จากการจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน คนไทย 400 บาท และ ชาวต่างชาติ 2,500 บาท รวมทังหมด เพียงแค่ 2,900 บาเท่านั้น
แต่เมื่อ ป.ป.ช.สุ่มตรวจ เรือลำนี้ กลับพบข้อมูลจำนวนนักท่องที่ยว ที่มีจำนวนต่างกัน หลายเท่าตัว เพราะมีนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่โดยสารมากับเรือรวม 64 คน และทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ หากคำนวณเป็นรายได้ค่าธรรมเนียม จะเป็นรายได้ทั้งหมด 32,000 บาท
นั่นหมายความว่า กรมอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จะมีส่วนต่างรายได้ค่าธรรมเนียม ถึง 29,100 บาท ซึ่งเกิดขึ้นบนเรือลำเดียว
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เฝ้าติดตาม สังเกต ประมาณ 1 ชั่วโมงวันนั้น ยิ่งได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีเรือนำเที่ยว จอดเทียบชายหาด ส่งนักท่องเที่ยวหน้าอุทยานฯ มากถึง 59 ลำ ในวันเดียว
และมีรายชื่อแจ้งจำนวนนักท่องเที่ยวซื้อตั๋วแบบ E-Ticket เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 500 คน แต่ในความเป็นจริงจากการตรวจสอบ มีนักท่องเที่ยวคนไทยน้อยมาก ไม่ถึงร้อยละ 10 ที่เหลือเกือบทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ
ราคาตั๋วค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะสิมิลัน แบบ E-Ticket จำหน่ายในราคาคนไทย 100 บาท เด็ก 50 บาท ส่วนต่างชาติ ผู้ใหญ่ 500 บาท และเด็ก 250 บาท
ย้ายด่วน! หัวหน้า อช.หมู่เกาะสิมิลัน สอบปมขายตั๋วส่อไม่โปร่งใส
การตรวจสอบข้อมูลในวงรอบเดือนที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวไทย เดินทางท่องเที่ยวเขตอุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะสิมิลันมากกว่า 40,000 คนต่อเดือน แต่ข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบ พบว่าไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวชาวไทย และเกือบทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ
ป.ป.ช. สันนิษฐานว่า เกิดช่องว่างการจัดเก็บรายได้ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันมานานแล้ว ทำให้เสูญเสียรายได้เฉลี่ยเดือนละกว่า 5 ล้านบาท ซึ่ง ป.ป.ช. เร่งตรวจสอบพยานหลักฐาน หรือ เอกสารต่างๆ อย่างละเอียดอีกครั้ง
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ เปิดเผยว่า การทุจริตจัดเก็บรายได้บนเกาะต่างๆ มีมานานแล้ว พร้อมจี้ให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติแสดงความรับผิดชอบ กรณีพบข้อมูล การทุจริตขายตั๋วเข้าอุทยานแห่งชาติฯ#ตั๋วอิเล้กทรอนิกส์ #ETicket #อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน… pic.twitter.com/VcMBIIlslI
— Thai PBS News (@ThaiPBSNews) March 27, 2025