หลังจาก 24 มี.ค.2568 วันแรกของการอภิปรายไม่ไว้างใจ น.ส.แพทองธาร เดินทางออกจากสภาฯ ตั้งแต่ประมาณ 22.30 น. ขณะที่ฝ่ายค้านยังคงทำหน้าที่ต่อ กระทั่งประธานในที่ประชุมสั่งพักการประชุม เวลา 02.22 น.
ทั้งที่เป็นศึกอภิปรายรายบุคคล และมีนายกฯ ถูกล็อคเป้าคนเดียว และเป็นการถูกอภิปรายครั้งแรก โดยเจ้าตัวย้ำกับผู้สื่อข่าวก่อนหน้าศึกนี้จะเริ่มว่า พร้อมเตรียมคำถามทุกข้อ
เข้าใจดีว่า นายกฯ ต้องกลับไปพักผ่อนเอาแรงเพื่อเตรียมรับศึกในวันใหม่ และนายกฯ มีครอบครัว มีลูกๆ ที่น่ารักต้องคอยดูแลในฐานะแม่ แต่ใช่ว่าศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีทุกวัน
ไม่นับเรื่องตอบคำถามฝ่ายค้าน ทั้ง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ที่อุตส่าห์ทำหน้าที่ในฐานะหัวหน้าพรรคใหญ่อันดับ 2 ของฝ่ายค้าน แถมยังใช้เวลาอภิปรายนับร่วม 10 นาที ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ทำหน้าที่สส. หรือแม้แต่เวทีการเมืองในโอกาสอื่น ๆ และยังพูดเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่เฉพาะ “ไม่รู้ ไม่ทราบ” ที่ชินตาผู้คน
นายกฯ พูดแบบประชดประชัน ตั้งแต่ “นาฬิกาดิฉันเอง” มีนัยฟาดใส่ “นาฬิกาเพื่อน” ของ พล.อ.ประวิตร และปิดท้ายรอบนั้นด้วยคำว่า “ข้อกล่าวหาทั้งหมดไม่เป็นความจริง”
ถือเป็นคำพูดที่ “ย้อนรอย” กลับใส่ “ลุงป้อม” ที่เคยพูดในการลุกตอบคำถามฝ่ายค้าน ในฐานะรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม้ไว้วางใจว่า “ข้อกล่าวทั้งหมดไม่เป็นความจริง”
ไม่ต่างจากคำตอบที่ น.ส.แพทองธาร ลุกขึ้นตอบ กรณีตั๋วสัญญาใช้เงิน พีเอ็น (PN) ที่ถูกนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร หนึ่งในสส.ตัวตึงพรรคประชาชน เรื่องเลี่ยงชำระภาษี กรณีตั๋วสัญญาใช้เงินกว่า 4.4 พันล้านบาท ที่ทำกันระหว่างคนในตระกูล ทั้งมารดา พี่ชาย พี่สาว และคนในตระกูลดามาพงศ์ แบบไม่มีกำหนดกรอบเวลาการใช้คืน และไม่มีการคิดดอกเบี้ย
“แม้อายุยังน้อย แต่จ่ายภาษีมากกว่าท่าน”
กระทั่งนายวิโรจน์ โต้กลับให้ข้อคิดและบทเรียนสำคัญฯ ว่า “การเสียภาษีมากน้อยไม่สำคัญ เพราะเป็นหน้าที่ของทุกคน แต่คนเสียภาษีมาก แต่หาเทคนิคหลบเลี่ยงต่างหากที่น่ารังเกียจ”
ไม่ว่าคำตอบใน 2 ปมนี้ จะมาจากนายกฯ คิดเอง ตอบเอง หรือใครให้คำแนะนำ ก็ตามที แต่ถือว่า ตำตอบจากฟาก น.ส.แพทองธาร นำไปสู่กระแส และ “ทัวร์ลง” อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะขาดสัมมาคารวะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณี “ลุงป้อม” ซึ่งเป็นผู้อาวุโส แม้จะมีเรื่อง “แค้นฝั่งหุ้น” กับนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาอยู่หลายเรื่องก็ตาม แต่วัฒนธรรมและสังคมไทยยังให้ความสำคัญกับระบบอาวุโส และความจริง “ลุงป้อม” ยังอุตส่าห์อวยพรและให้กำลังใจ นายกฯ หลังอภิปรายจบ
ขณะที่กรณีเงินเสียภาษี คำพูดของนายวิโรจน์ มีความหมายในทีอยู่แล้วว่า แต่ละคนจะจ่ายภาษีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ไม่ใช่คนที่มีภาระต้องเสียภาษีมาก จึงจะเป็นคนดีหรือถูกต้องเสมอไป เพราะอาจอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีจำนวนนี้เท่านั้น หรือน้อยกว่านายกฯ ที่มีทรัพย์สินและรายได้มากกว่า ในฐานะทายาทของคนในตระกูลชินวัตร ซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน ว่ามีฐานะมากกว่าคนอื่น ๆ
เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการบ่มเพาะของพ่อแม่หรือผู้ปกครอง ที่ต้องมีต่อลูกหลาน ไม่ใช่สอนให้ลูกหลาน มองคนอื่นว่าอ้อยกว่า และมองที่ “ค่าของเงิน” เป็นใหญ่
ยิ่งคนเป็นถึงนายกฯ ยิ่งจะมองแบบนี้ไม่ได้
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : หมายเรียก "ดิว อริสรา" สอบโยงแก๊งดอลลาร์ปลอม -การ์ดย่องพบ ตร.
"วิโรจน์" จี้สรรพากรแจงปม "แพทองธาร" ออกตั๋ว PN
"ไอซ์" ซัดนายกฯ ผักชีโรยหน้าแก้คอลเซนเตอร์ มีดีลกับปีศาจเอื้อพวกพ้อง