ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ไอซ์" ซัดนายกฯ ผักชีโรยหน้าแก้คอลเซนเตอร์ มีดีลกับปีศาจเอื้อพวกพ้อง

การเมือง
25 มี.ค. 68
13:47
635
Logo Thai PBS
"ไอซ์" ซัดนายกฯ ผักชีโรยหน้าแก้คอลเซนเตอร์ มีดีลกับปีศาจเอื้อพวกพ้อง
อ่านให้ฟัง
03:22อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"รักชนก" อภิปราย นายกรัฐมนตรี ผักชีโรยหน้าแก้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนและพวกพ้อง ระบุมีดีลแลกประเทศกับปีศาจเอาประโยชน์ของคนทั้งชาติไปแลกกับผลประโยชน์ของคนในครอบครัว

วันนี้ (25 มี.ค.2568) เวลา 13.00 น. น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปราย เกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ แก๊งคอลเซนเตอร์ โดยกล่าวถึงการบริหารงานของนายกรัฐมนตรีว่า ถึงแม้ว่าปัญหาดังกล่าวจะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล แต่ก็เป็นเพียงภาพลวงตา เป็นเพียงผักชีโรยหน้า ที่จะทำให้ประชาชนเชื่อว่าได้เอาจริงเอาจัง

ในความเป็นจริงนายกรัฐมนตรี ยังมีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินได้อีกต่อไป เพราะขาดภาวะผู้นำ เกิดการเกี่ยงงานที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมหาศาล โดยนายกรัฐมนตรียังลอยตัวเหนือปัญหา ไม่ตัดสินใจทั้งที่ความเสียหายเกิดขึ้นกับประชาชนรายวัน จนให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามากดดันถึงจะได้มีการลงมือ

นอกจากนี้ปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ ยังมีความจำเป็นที่ต้องทำลายโครงสร้างของอาชญากรข้ามชาติ ทั้งทุนสีเทา และทุนไทยสีเทา ที่ร่วมกันบ่อนทำลายประเทศไทย รวมไปถึงต้องอาศัยมาตรการที่เด็ดขาด ในการจัดการกลุ่มทุนต่างๆ ที่ไร้จิตสำนึก ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม

น.ส.รักชนกกล่าวต่อว่า แต่นายกรัฐมนตรีกลับจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนและพวกพ้องของตัวเอง จงใจให้มีการทุจริตในระบบราชการ มองดูการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นโดยไม่จัดการ จนสุดท้ายวันนี้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ไม่รู้ว่าจะไปจบที่ตรงไหน และความเสียหายทั้งหมดนี้เกิดจากการที่มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ แพทองธาร ชินวัตร ทั้งๆ ที่ประเทศควรจะได้ตัวเลือกที่ดีกว่านี้

แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น เพราะการที่นายกรัฐมนตรีและครอบครัว ไปกระทำดีลแลกประเทศกับปีศาจ เอาประโยชน์ของคนทั้งชาติ ไปแลกกับผลประโยชน์ของคนในครอบครัว

สิ่งนี้สะท้อนถึงความไม่ซื่อสัตย์สุจริต หากปล่อยให้นายกรัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดินต่อไป มีแต่จะทำให้ประเทศชาติเสียหาย จนยากเกินจะเยียวยา ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถปล่อยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้อีกแม้แต่วันเดียว

ความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน สะท้อนผ่านตัวเลขและสถิติมูลค่าความเสียหายจากการหลอกลวงที่สำนักงานสถิติแห่งชาติได้เก็บสถิติไว้ เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา 80,000 ล้านบาท แต่ตัวเลยนี้ ไม่ได้สะท้อนถึงความเสียหายที่แท้จริง เนื่องจากเก็บสถิติจากผู้เสียหายที่มาแจ้งความ ยังมีเม็ดเงินมหาศาลที่ไม่ได้นับรวม ซึ่งอาจจะมีมูลค่าความเสียหายปีละ 100,000 ล้านบาท

จากรายงาน องค์กรพัฒนาเอกชนศึกษาแก๊งคอลเซนเตอร์มาอย่างยาวนาน ระบุว่าเสียหาย ปี 2566 สูงถึง 2.24 ล้านล้านบาท อยู่ใน 3 ประเทศอาเซียน อยู่ใน 3 ได้แก่ ลาว 378 พันล้านบาท กัมพูชา 437.5 พันล้านบาท พม่า 717.5 พันล้านบาท

พรรคเพื่อไทยเคยตั้งเป้าอยากขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อยากให้ประเทศไทยเป็นฮับท่องเที่ยว ฮับดิจิทัล ฮับการบิน ฮับขนส่ง แต่ไม่สามารถเป็นไม่ได้ เป็นได้เพียงฮับที่เข้ามาทำธุรกิจสีเทา ฮับพนันออนไลน์ การบินของทุก ๆคนที่ใช้ไทยเป็นฮับศูนย์กลางของการค้ามนุษย์ ฮับขนส่งที่ส่งอิฐ หิน ดิน ปูน ไปสร้างความมั่งคั้งให้กับแก๊งคอลเซนเตอร์ สิ่งเหล้านี้สะท้อนผ่านนักท่องเที่ยวที่กำลังลดลง เพราะไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัย

ตัวเลขความเสียหาย หรือนักท่องเที่ยวที่ลดลง วัดมูลค่าได้ แต่สิ่งที่วัดมูลค่าไม่ได้คือ ตัวเลขของชีวิตที่สูญเสียไปจากการถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกลวง และเป็นปัญหาที่ทุกคนเจอกับตัว แม้แต่นายกฯ ที่ถูกห้อมล้อมด้วยการรักษาความปลอดภัยหลากหลายรูปแบบ ยังเคยเจอปัญหานี้มากับตัว

แม้แต่ผู้นำประเทศยังถูกหลอก ก็หมายถึงว่าแก๊งคอลเซนเตอร์รู้ว่าคุยกับใคร ท่านต้องสืบเรื่องนี้และดูว่าต้นตอข้อมูลหลุดรั่ว มาจากไหน และต้องเอาผิดกับคนที่ทำข้อมูลรั่ว นายกฯยังโดน แล้วตาสีตาสา ไม่ทันเทคโนโลยีจะรอดไหม

แม้ว่าจะผิดหวังในตัวนายกฯ แต่การปราบปรามต้องอาศัยอำนาจของนายกฯ เกี่ยวกับหลายมิติ ความมั่นคง เศรษฐกิจ ต่างประเทศ เกี่ยวข้องกับนับ 10 หน่วยงาน เรื่องนี้คนที่ต้องจัดการดูแล ตัดสินใจ คือนายกฯ แต่สิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้จริงจังที่ต้นตอเพราะมีนายกฯ ชื่อแพทองธาร ชินวัตร เลยติดขัดไปทุกกระบวนการ ไม่มีความสามารถในการบริหาร ไม่สามารถจัดการกับรัฐมนตรีได้อย่างเด็ดขาด และจงใจที่จะไม่กระทำบางอย่าง เพื่อเอื้อกลุ่มทุน ไม่กล้าจัดการไทยเทาเพราะคนใกล้ชิดสนิทสนมกันทั้งนั้น

การดำรงอยู่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้องอาศัยทรัพยากรจากไทยในการเกื้อหนุน ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต น้ำมัน และคน ซึ่งในแต่ละกระบวนการ นายกรัฐมนตรีเอง เป็นคนที่มีอำนาจสั่งการสูงสุด กลับปล่อยปละละเลยจนเละตุ้มเป๊ะไปหมด ซึ่งขณะนี้ยังมีถึง 18 จุด แต่ละจุดติดกับชายแดน 3 ประเทศที่ยังคงใช้งานได้อยู่

ส่วนเหตุการณ์ตัดไฟ ซึ่งมีรองนายกฯ รัฐมนตรี สองคนเกี่ยงกันไปกันมาเป็นปี และตัวนายกรัฐมนตรีเองก็แทบจะไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย จนกระทั่งผู้ช่วยของรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางมา จึงมีการดำเนินการ 

ขอตั้งคำถามกับสังคมว่าต้องรับผิดชอบอะไรบ้างไหม เคยคิดไหมว่าว่าการทำงานที่ช้าไปแม้แต่วันเดียว มีครอบครัวที่ต้องสูญเสียเงิน และเสียชีวิต

รัฐบาลไทยที่มีความใกล้ชิดอย่างยิ่งกับรัฐบาลกัมพูชาถึงขนาดที่ว่าพ่อนายกฯ ออกมาจากชั้น 14 วันแรก ได้ไปเยี่ยมกันก่อนใคร และพ่อของนายกฯเอง ก็ออกมาให้ข่าวว่า สนิทกันทั้งรุ่นพ่อรุ่นลูก อย่าได้หวั่นไหวกับสถานการณ์ชายแดน ซึ่งคนไทยเคยได้ประโยชน์อะไรจากการที่มีความสัมพันธ์อันดีแบบนี้ไหม แทนที่ฝั่งคืบหน้าทางฝั่งกัมพูชาจะได้ความคืบหน้ามากกว่าแต่กลับกลายเป็นว่านายกฯ เกรงใจหรือเปล่า เลยไม่จัดการอะไรเลย ซึ่งความสัมพันธ์อันดีแบบนี้ส่งผลดีอะไรกับประเทศไทยบ้าง กระบวนการในการถอนรากถอนโคนคืบหน้าไปช้ามากโดยเฉพาะทางฝั่งกัมพูชา

อ่านข่าว :

"โรม" ชี้ "แพทองธาร" ตัวการปมชั้น 14 สมคบอำนาจเก่า พา "ทักษิณ" กลับบ้าน

"สุริยะ" โต้ปม Super Deal แสนล้าน 2 โครงการไม่เอื้อเอกชน

เหลืออีกกี่ชั่วโมง ศึกซักฟอก "แพทองธาร" 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง