วันนี้ (24 มี.ค.2568) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นอภิปราย เป็นคนที่ 2 ต่อจากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนในฐานะผู้นำฝ่ายค้านอภิปรายเปิดญัตติ แต่ทันทีที่ พล.อ.ประวิตร ลุกขึ้นอภิปราย นายก่อแก้ว พิกุลทองสส.พรรคเพื่อไทย ก็ลุกขึ้นประท้วง โดยระบุว่าตั้งแต่ประชุมสภาฯมายังไม่เคยเห็นสมาชิกคนนี้อภิปราย ซึ่งประธานสภาฯ ระบุว่า ไม่ผิดข้อบังคับ
จากนั้น พล.อ.ประวิตร อภิปรายต่อตามที่ขอเวลาไว้ 10 นาที โดย พล.อ.ประวิตร ระบุว่าในฐานะหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชารัฐ ได้เข้าชื่อเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ต่อไปอีก

โดยประเด็นแรกคือ ชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อน ปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไขตามที่รัฐบาลเคยให้คำมั่น พนักงานจำนวนมากถูกเลิกจ้าง ธุรกิจและห้างร้านทยอยปิดตัว ขณะที่แนวทางแก้ปัญหาของรัฐบาลกลับไม่ตรงจุด ทำให้ประชาชนเผชิญกับปัญหาหนี้สินทั้งในและนอกระบบ โดยหนี้ครัวเรือนพุ่งสูงถึง 104%
ราคาข้าวโพด ข้าว มันสำปะหลัง ราคาอ้อย ปาล์มน้ำมัน พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ตลาดหุ้นดำดิ่ง เศรษฐกิจไทยมืดมน รัฐบาลกลับนิ่งเฉยไม่มีมาตรการ ใด ๆ มาแก้ปัญหาปากท้อง ให้กับประชาชน จริง ๆ ผมพยายามเอาใจช่วยท่านนายกฯ ให้แก้ปัญหาปากท้อง ให้ประชาชนได้สำเร็จ เพราะเห็นว่านายกฯ เคยบริหารด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจมาก่อนคงมีประสบการณ์ ที่จะมาช่วยประเทศชาติได้บ้าง แต่ปรากฎว่า นายกฯ ไม่สมารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ซ้ำยังถ่อยหลังไปอีก จน GDP ของไทยรังไทยในกลุ่มอาเซียน
และที่สำคัญคือการตัดสินใจที่ผิดพลาด ขาดความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องเศรษบกิจด้วยการตัดงบประมาณนับแสนล้านบาทที่ควรจะอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่นายกกลับน้ำเงินก้อนนี้ ไปแจกเงินหมื่น ซึ่งธนาคารโลกและกองทุนไอเอ็มเอช ได้ออกมาเตือนแล้วว่า การแจกเงินหมื่น ไม่ได้ผลควรกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่าง ๆ แทน
หาก นายกฯ ได้ศึกษาข้อมูล เศรษบกิจอย่างรอบคอบในทุกด้าน วันนี้คนไทยคงจะไม่ลำบาก ในเรื่องปากท้อง อย่างแสนสาหัส เช่นนี้ ท่านจะนำพาประเทศให้รอดพ้น ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ประเด็นต่อมาห่วงประเทศชาติเป็นอย่างมากและไม่สบายใจต่อการดำเนินนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงคือ เรื่อง MOU 44 ที่วันนี้พาประเทศชาติสู่ความเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดน และทรัพยากรทางทะเลมูลค่ามหาศาลที่น่าเศร้าใจคือลูกเรือของประเทศไทยที่นายกรัฐมนตรีรับปากว่าจะนำกลับมาแต่ผ่านมา 4 เดือนแล้วก็ยังไม่ได้กลับ
ในฐานะที่ทำงานด้านความมั่นคงมาตลอดทั้งชีวิตเป็นผู้บัญชาการทหารบกเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทราบดีว่างานด้านความมั่นคงไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ และประสบการณ์ในหลายมิติอย่างมาก จึงเห็นใจนายกรัฐมนตรี ที่ต้องมาเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องที่ไม่มีประสบการณ์ แต่เรื่องความมั่นคงของชาติก็สำคัญอย่างยิ่งประเทศชาติไม่ใช่เวทีให้มือสมัครเล่นมาซ้อมมือได้
ประเด็นที่ 3 การบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะร่างกฎหมายประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่เรียกว่า "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ที่รัฐบาลพยายามจะผลักดันแต่มีช่องทำให้เกิดทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้อง ขอย้ำว่ากาสิโนจะนำชาติไปสู่หายนะ และอันตรายอย่างที่สุด เพราะจะทำให้สังคมอ่อนแอ และเกิดธุรกิจสีเทาติดตามมาอีกมากซึ่งทุกวันนี้ การปล่อยปละละเลยในเรื่องต่างๆ ส่งผลให้ไทยเป็นแหล่งฟอกเงินธุรกิจสีเทาปัญหายาเสพติด อาชญากรรมและพนันออนไลน์อย่างมาก
อีกประเด็นสำคัญคือนายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 วงเล็บ 4 และวงเล็บ 5 ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ทำนิติกรรมอำพรางหลีกเลี่ยงภาษีซึ่งฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงการถือหุ้นบริษัท Alpine Golf and sport club จำกัด ทั้งที่รู้เป็นที่ดินธรณีสงฆ์ดังนั้นจึงไม่ควรแสวงประโยชน์ในทางที่ผิด

นอกจากนี้ยังได้ปล่อยปละละเลยให้บุคคลในครอบครัวมากระทำให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ การที่บุคคลในครอบครัวของนายกรัฐมนตรีได้เรียกแกนนำของพรรคการเมืองไปพูดคุยจัดตั้งรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า และการที่บุคคลในครอบครัวนายกรัฐมนตรี ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคจะเป็นการครอบงำหรือไม่ขอให้เป็นไปตามการตรวจสอบขององค์กรที่เกี่ยวข้องต่อไป ผลจะเป็นอย่างไรนั้นเชื่อว่าประชาชนเป็นผู้ตัดสินเอง
ตามที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่ใช่การกล่าวหาด้วยความอคติ แต่อ้างอิงตามหลักฐานข้อเท็จจริงทุกประการโดยสส.ของพรรคพลังประชารัฐอีก 4 คน จะนำเสนอในรายละเอียดต่อไป
ขอขอบคุณทุกคนโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และประชาชนทุกคนที่รับฟังในสิ่งที่พูด เป็นคนที่พูดไม่เก่ง อาจไม่กระฉับกระเฉงเท่าตอนที่เป็นหนุ่ม จึงใช้ใจบันดาลแรงบริหารประเทศสำเร็จมาได้หลายอย่าง ส่วนนายกรัฐมนตรีเป็นคนหนุ่มสาวที่ยังแข็งแรงเชื่อว่าบริหารประเทศด้วยสติปัญญามีความอ่อนน้อม แต่หนักแน่นในหลักการ ยึดประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าครอบครัวและพวกพ้อง ประชาชนจะชื่นชมและยอมรับเอง โดย พล.อ.ประวิตร ทิ้งท้ายว่าขอจบเพียงเท่านี้ โชคดีครับ
หลังจาก พล.อ.ประวิตรอภิปรายจบ มี สส.ในที่ประชุมปรบมือให้ แต่ประธานสภาได้บอกว่าไม่ต้องปรบ
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจงโดยระบุว่า ท่านสมาชิกอาวุโสอภิปราย จับเวลาได้ 10 นาทีและขอชี้แจงว่าสิ่งที่สมาชิกอาวุโสพูดไม่เป็นความจริง

ถ่ายทอดสดอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568
อ่านข่าว ชมสด! ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯ “แพทองธาร”