วันนี้ (21 มี.ค.2568) "ฮีทโธรว์" สนามบินที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ และติดอันดับสนามบินที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดอันดับ 4 ของโลก ถูกบังคับให้ปิดทำการกะทันหันในวันนี้ หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่สถานีไฟฟ้าย่อย ซึ่งเป็นแหล่งจ่ายพลังงานหลักให้กับสนามบิน ส่งผลให้ระบบไฟฟ้าขัดข้องทั่วสนามบิน
จากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์สายการบิน Cirium คาดว่า มีผู้โดยสารกว่า 145,000 คนได้รับผลกระทบ จากเที่ยวบินที่ถูกยกเลิกหรือเปลี่ยนเส้นทาง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางทั่วโลกยาวนานหลายวันหรือหลายสัปดาห์

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการบิน ชูคอร์ ยูซอฟ ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษา Endau Analytics ในสิงคโปร์ ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการปิดสนามบินฮีทโธรว์ครั้งนี้อาจสูงถึงหลายร้อยล้านปอนด์ หรือหลายแสนล้านบาท โดยไม่ใช่แค่สายการบินและผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมาก
สถานการณ์นี้จะสร้างความโกลาหลแน่นอน ไม่ใช่แค่สุดสัปดาห์นี้ แต่ลากยาวไปถึงสัปดาห์หน้า เพราะต้องจัดการกับเที่ยวบินที่ไม่ได้ลงจอด ปัญหาที่ค้างคามากมายจากการปิดสนามบินครั้งนี้
สนามบินฮีทโธรว์ให้บริการผู้โดยสาร กว่า 83.9 ล้านคนในปี 2566 และเป็นศูนย์กลางการบินเชื่อมต่อระหว่างยุโรป เอเชีย และอเมริกา การปิดตัวของสนามบินส่งผลให้เกิดความโกลาหลทั้งในอังกฤษและทั่วโลก

กระทบกว้าง เศรษฐกิจ-อุตสาหกรรมการบิน
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงส่งผลต่อการเดินทางทางอากาศเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมต่อ เศรษฐกิจในวงกว้าง เพราะสนามบินไม่ได้เป็นเพียงจุดขึ้นลงของเครื่องบิน แต่เป็นศูนย์กลางของธุรกิจหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีก ผู้ให้บริการเชื้อเพลิงอากาศยาน บริษัทขนส่งสินค้า และชุมชนที่พึ่งพารายได้จากสนามบิน
อุตสาหกรรมการบินพึ่งพาการวางแผนการเดินทางที่แม่นยำ เพื่อให้เครื่องบินและลูกเรืออยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมตลอดเวลา การปิดสนามบินฮีทโธรว์อย่างกะทันหัน ทำให้สายการบินต้องเร่งปรับแผนเที่ยวบินใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลา
ขณะนี้ โจทย์สำคัญที่สุดคือการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสายการบิน และดูแลผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบให้ได้เร็วที่สุด ยูซอฟกล่าว

หุ้นสายการบินดิ่งทันที หลังสนามบินปิด
ความวุ่นวายจากการปิดสนามบินส่งผลให้ ราคาหุ้นของสายการบินชั้นนำร่วงลงทันที เนื่องจากนักลงทุนกังวลถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและการสูญเสียรายได้จากเที่ยวบินที่ถูกยกเลิก
International Airlines Group (IAG) บริษัทแม่ของ British Airways ตกลงร้อยละ 5 ในช่วงเช้า ก่อนจะฟื้นตัวเหลือติดลบร้อยละ 1.1 ภายในเวลา 06:36 น. ตามเวลาท้องถิ่น ด้าน Lufthansa ของเยอรมนี ลดลงร้อยละ 1.6 Air France-KLM ลดลงร้อยละ 1.5 Qantas ของออสเตรเลียปิดตลาดติดลบร้อยละ 2.4
นักวิเคราะห์จาก Jefferies ระบุว่าค่าชดเชยผู้โดยสาร จะเป็นต้นทุนหลักที่สายการบินต้องแบกรับทันที นอกเหนือจากต้นทุนในการบริหารจัดการการเดินทางที่เสียหาย

เร่งปรับแผน เที่ยวบินยกเลิก-เปลี่ยนเส้นทางจำนวนมาก
สายการบินทั่วโลกกำลังพยายามจัดการกับผลกระทบของการปิดสนามบินฮีทโธรว์โดยมีมาตรการที่แตกต่างกันไป
- British Airways เปลี่ยนเส้นทางเที่ยวบินขาเข้าที่กำลังเดินทางไปฮีทโธรว์ไปยังสนามบินอื่นในอังกฤษ แนะนำให้ผู้โดยสาร อย่าเดินทางมาสนามบิน จนกว่าจะได้รับข้อมูลอัปเดต
- United Airlines ยกเลิกเที่ยวบินไปฮีทโธรว์ในวันนี้ (21 มี.ค.) เที่ยวบิน 7 ลำต้องบินกลับต้นทางหรือเปลี่ยนเส้นทาง
- Singapore Airlines เที่ยวบิน 3 ลำที่กำลังเดินทางไปลอนดอน ถูกเปลี่ยนเส้นทางไป แฟรงก์เฟิร์ต และ ปารีส หรือบินกลับไปสิงคโปร์, ยกเลิกเที่ยวบินไป-กลับฮีทโธรว์ 5 เที่ยวบิน
- Cathay Pacific ยกเลิกหลายเที่ยวบินไป-กลับลอนดอน
- Qantas เที่ยวบินจากสิงคโปร์และเพิร์ธที่มุ่งหน้าสู่ลอนดอน ถูกเปลี่ยนเส้นทางไป ปารีส
- Air India ยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดที่เดินทางไปฮีทโธรว์ในวันนี้ (21 มี.ค.)
- Virgin Atlantic ยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดที่เดินทางเข้าและออกจากฮีทโธรว์จนถึงเที่ยงวันนี้ (21 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น

เหตุการณ์นี้ถือเป็นหนึ่งในวิกฤติครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมการบินในปีนี้ นักวิเคราะห์เตือนว่า ปัญหานี้อาจลากยาวไปหลายสัปดาห์ ไม่ใช่เพียงแค่การจัดการเที่ยวบินที่ถูกยกเลิก แต่รวมถึงผลกระทบทางการเงิน และความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อระบบการบริหารจัดการของสนามบินระดับโลก ปัจจุบัน สิ่งที่สายการบินต้องเร่งทำคือ หาวิธีบรรเทาผลกระทบให้กับผู้โดยสาร และปรับโครงสร้างแผนการเดินทางใหม่ทั้งหมดเพื่อรองรับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
อ่านข่าวอื่น :