นับถอยหลังสู่ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นรายบุคคล โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ตกเป็นเป้าหมายเพียงคนเดียว มีนัดหมายตรวจสอบความพร้อมของพรรคร่วมรัฐบาลครั้งสำคัญ ในงานดินเนอร์ร่วมกัน ค่ำวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2568
เพื่อเป็นสัญญาใจร่วมกันสู้ศึก และยังเป็นการปลุกปลอบขวัญและกำลังใจให้ น.ส.แพทองธาร ซึ่งต้องเจอด่านซักฟอกเป็นครั้งแรก
หลังจากพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศตั้งทีมองครักษ์พิทักษ์นายกฯ นำทีมโดยมือเก๋า อย่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตหัวหน้าพรรค นายสุทิน คลังแสง อดีตประธานวิปฝ่ายค้าน และยังมีนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และเป็น “คนเรียกแขก” สมัยผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย ในฐานะรองประธาน กมธ.
สะท้อนการเตรียมรับมือฝ่ายค้านที่เข้มข้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะในเชิงการเมือง นอกจากชื่อและชั้นเชิงทางการเมือง ที่แพรวพราวไม่ธรรมดาแล้ว ยังถือเป็น “การคัมแบ๊ค” หวังแจ้งเกิดอีกรอบของทั้ง นพ.ชลน่าน
และนายสุทิน หลังหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรี และโลว์โปรไฟล์ ไปนาน จึงต้องกลับมา “ปัดฝุ่น” แสดงศักยภาพใหม่ หากแก้เกมในห้องประชุมสภาฯได้เข้าตา ก็อาจจับพลัดจับผลูหรือฝันถึงเก้าอี้รัฐมนตรีอีกครั้ง ในคิวต่อ ๆ ไปได้
ครั้งนี้ยังต่างจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งก่อนๆ เพราะถูกออกแบบให้ซักฟอกได้แบบข้ามวันข้ามคืน นอกจากเริ่มต้นวันแรกตั้งแต่ 08.00 น.แล้ว ยังให้ลากยาวกันไปถึง 05.30 น. ซึ่งเป็นเวลาพระออกบิณฑบาต ใกล้จะกลับวัดพอดี จึงต้องมีการวางแผนและออกแบบบริหารจัดการให้พร้อม
ทั้งตัวบุคคลที่ต้องคอยทำหน้าที่เบรกเกมฝ่ายค้าน โดยการประท้วง และการเก็บประเด็นคำถามของฝ่ายค้าน เพื่อส่งให้นายกฯ ตอบ รวมกระทั่งประสานจัดวางรัฐมนตรีที่สามารถใช้สิทธิ์พาดพิง ทำหน้าที่ตอบแทนนายกฯ แทนที่จะให้ฝ่ายค้าน “ซัด” เก็บแต้มอยู่ฝ่ายเดียว
จึงต้องใช้คนอย่าง นพ.ชลน่าน นายสุทิน และนายประยุทธ์ โดยเชื่อว่าจะมี “ยอดคุณพ่อ” คอยทำหน้าที่กำกับในภาพรวมอีกชั้นหนึ่ง
เพราะทราบดีแต่แรกจากญัตติที่ยื่นต่อประธานสภาฯ แล้วว่า ฝ่ายค้านไม่เพียงจ้องเล่นงานอภิปราย น.ส.แพทองธาร นายกฯ คนเดียว แต่ยังพ่วงผู้เปี่ยมบารมีอย่างนายทักษิณ อยู่ในญัตติด้วย
แม้ต่อมาจะบีบให้ฝ่ายค้านยอมตัดชื่อคนนอกออกไป แต่กลายเป็น “คนในครอบครัว” ถูกนำมาใช้เป็นข้อความในญัตติแทน ซึ่งมองในอีกด้านหนึ่ง เท่ากับมีความหมายกว้างมากขึ้น จากเดิมที่จะมีเพียงนายทักษิณ กลายเป็นคนอื่น ๆ ในตระกูลและเครือข่ายบริวาร ซึ่งมีมากหน้าหลายคน ขึ้นอยู่กับฝ่ายค้าน ว่าจะแตะหรือเชื่อมโยงไปถึงใครบ้าง
แม้ตัวเลขเสียง สส.สนับสนุน ฝ่ายรัฐบาลที่มีเสียงมากกว่า จะต้องเป็นฝ่ายชนะโดยเสียงข้างมากอย่างไม่ต้องสงสัย ยังไม่นับกลุ่ม สส.งูเห่า ที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม กล่าวอ้างว่ามีถึง 10 คน จะตัดทอนกำลังฝ่ายค้านได้อีก
แต่กลยุทธ์ฝ่ายค้าน ที่จะนำมาใช้ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ยังไม่มีใครดูออก แถมถูกขู่ออกมาเป็นระยะ ๆ จากแกนนำในพรรค ทำให้ฝ่ายรัฐบาล ต้องคอยกะเก็งข้อสอบต่าง ๆ นานา หลังจากที่เคยนเห็นฤทธิ์เดชมาแล้ว ตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล
เรียกว่าเพราะ “บุญเก่า” ทำให้ฝ่ายรัฐบาล ต้องพลอยวิตกกังวลมากขึ้น เพราะต้องนำพาให้น.ส.แพทองธาร ผ่านด่านสำคัญนี้ไปให้ได้
ศึกนี้จึงใหญ่สำหรับพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งนายกรัฐมนตรี
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : ไฟไหม้ใกล้ "สนามบินฮีทโธรว์" ประกาศระงับบริการชั่วคราว
“นายกฯ” เข้า ทบ.ถกแก้ “ยาเสพติด-แก๊งคอลฯ” นักข่าวจี้ฝั่งเขมรยังไม่จบ
8 ปีซ้อน! ฟินแลนด์ครองที่ 1 ความสุขโลก สหรัฐฯ ต่ำสุดอับดับ 24