สภาผู้บริโภคค้าน Co-Payment ร่วมจ่ายค่ารักษา

สภาผู้บริโภคค้าน Co-Payment ร่วมจ่ายค่ารักษา สภาผู้บริโภคและเครือข่ายประชาชน รวมตัวยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการกำกับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ขอให้ทบทวนและชะลอหลักเกณฑ์การร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล (Co-payment)

หลังใช้เวลาพูดคุยกันนานกว่า 1 ชม. นายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค มองว่า หลักเกณฑ์ดังกล่าว ไม่สามารถแก้ปัญหาเรียกร้องค่าสินไหมเกินความจำเป็นได้ และยังจะเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของประชาชน ผลักภาระให้ผู้บริโภค หากไม่ทบทวนหลักเกณฑ์ เชื่อว่าจะมีปัญหาตามมาอีกมาก 

นายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค

นอกจากนี้ ยังต้องการให้มีแนวทางแก้ปัญหาค่ารักษาพยาบาลที่สูงเกินความจำเป็น เนื่องจากโรงพยาบาลเอกชน สามารถตั้งราคาค่ารักษาได้โดยไม่มีการกำกับ จึงต้องการให้ภาครัฐเข้ามาดูแล นายอาภากร ปานเลิศ รองเลขาธิการด้านกำกับธุรกิจประกันภัย สำนักงาน คปภ. ซึ่งเป็นตัวแทนรับหนังสือ ชี้แจงว่า หลักเกณฑ์ co-payment ใช้กับประกันสุขภาพที่ออกใหม่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่มีผลกับประกันที่ทำมาแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งผู้ที่เข้าเกณฑ์จะต้องร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล คือคนที่เคลมเกินความจำเป็น

นายอาภากร ปานเลิศ รองเลขาธิการด้านกำกับธุรกิจประกันภัย สำนักงาน คปภ.

หลักเกณฑ์ที่ต้องร่วมจ่ายมี 3 กรณี กรณีที่ 1 คือ เคลมเป็นผู้ป่วยใน สำหรับโรคเจ็บป่วยเล็กน้อย 3 ครั้งขึ้นไป ใน 1 ปี โดยมียอดเกิน 200 % ของเบี้ยประกัน ต้องร่วมจ่าย 30 % ทุกค่ารักษาในปีถัดไป

กรณีที่ 2 คือ เคลมโรคทั่วไป ไม่รวมผ่าตัดใหญ่ และโรคร้ายแรง 3 ครั้งขึ้นไป ยอดเกิน 400 % ของเบี้ยประกัน ต้องร่วมจ่าย 30 % ทุกค่ารักษาในปีถัดไป 

กรณีที่ 3 หากเข้าเงื่อนไขทั้ง 2 กรณี ต้องร่วมจ่าย 50 % ทุกค่ารักษาในปีถัดไปโดย

คปภ.จะนำเสียงสะท้อนของผู้บริโภคมาพิจารณา และติดตามผลกระทบจากหลักเกณฑ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดรวมถึงเตรียมหารือร่วมกัน เกี่ยวกับแนวทางดูแลราคาค่ารักษาพยาบาล เพื่อป้องกันการตั้งราคาสูงเกินจริง ซึ่งเป็นภาระผู้บริโภค

อ่านข่าว : ประกันสุขภาพเปลี่ยน! Copayment คืออะไร ทำไมต้องจ่ายร่วม ?  

ตั้งคำถาม ล็อกสเปก ซื้อประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติ 

โอกาสแค่ไหน? ปรับเบี้ยบำนาญผู้ประกันตน-ควบรวม 3 กองทุนสุขภาพ