การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ล็อกเป้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะเป็นอภิปรายซักฟอกวันข้ามคืน กระทั่งถึงเวลาพระออกบิณฑบาต เพราะข้อตกลงในวันแรก 24 มี.ค. เริ่ม 08.00 น. ไปจบที่ 05.00 น. วันรุ่งขึ้น
ส่วนวันที่ 2 วันอังคารที่ 25 มี.ค.ต่อกันแต่เช้า ไปสรุปจบทั้ง 2 ฝ่ายก่อนเที่ยงคืน เพื่อนัดโหวตในวันพุธที่ 26 มี.ค. เวลา 10.00 น. เว้นแต่จะยืดเยื้ออีก 1 วัน
ทำให้เกิดข้อสงสัยไม่น้อยว่า เหตุใดจึงมีข้อตกลงแบบนี้ออกมา หรือเพียงแค่รัฐบาล ต้องการขีดเส้นอภิปรายไม่ให้เกิน 2 วัน เพื่อ “เพลย์เซฟ” นายกฯ ให้ได้มากที่สุด
แม้จะอ้างว่า อุตส่าห์ยอมถอยให้เวลาฝ่ายค้านเป็น 28 ชั่วโมง ทั้งที่สามารถแบ่งซอยเป็น 3 วัน อภิปรายแต่ละวันจบไม่เกินเที่ยงคืนได้ แล้วค่อยไปลงมติวันที่ 4 ถือเป็นเหตุการณ์ปกติ
อ่านข่าว : แจกหนัก-พักหนี้ สูตรแก้จน "เพื่อไทย" หรือระเบิดเวลาประเทศ ?
ที่สำคัญเนื้อหาการอภิปราย ตั้งแต่ประเด็นและลงรายละเอียดในเชิงลึกของฝ่ายค้านก็ดี การชี้แจงตอบข้อสงสัยของนายกฯ ก็ดี หรือรัฐมนตรีที่ถูกพาดพิง สามารถช่วยชี้แจงแทนนายกฯ ได้ก็ดี จะทำให้ประชาชนสามารถติดตามรับฟังรับชมสาระได้อย่างเต็มที่ ไม่มีขาดตอน ไม่ต้องพะวงการอภิปรายช่วงดึกหรือกลางคืน ที่เป็นเวลาหลับพักผ่อนของผู้คน
ทั้งที่ น.ส.แพทองธาร ได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่า พร้อมทั้งข้อมูลและประเด็นการชี้แจง แสดงถึงความมั่นใจ และความกล้าในฐานะผู้นำรัฐบาล ขณะที่กลุ่มองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ก็เชื่อว่าพร้อมจะทำหน้าที่ช่วยเบรกเกมฝ่ายค้านอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ยังวางกลยุทธ์รับมือแบบไม่มีชะล่าใจ จัดวางมือเก๋าอย่างนายสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม อดีตประธานวิปฝ่ายค้าน ไว้คอยควบคุมดูแลเกมสภาอีกชั้นหนึ่ง
ส่วนข้าราชการระดับ “บิ๊ก” ในกระทรวงและหน่วยงานสำคัญๆ ที่โดน “เก็งข้อสอบ” ต่างถูกสั่งการให้เตรียมพร้อมด้านข้อมูลสนับสนุน รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล บรรดาแกนนำหลายพรรคต่างยืนยันว่า รัฐมนตรีของพรรคพร้อมช่วยนายกฯตอบคำถามในสภาฯ
ความพร้อมเหล่านี้ ความจริงควรถูกนำมาใช้อย่างเกิดประโยชน์เต็มที่ ในช่วงเวลาปกติที่ผู้คนสามารถรับรู้ได้ ไม่ใช่ถูก “กั๊ก” ไว้ หรือรอไปตอบในช่วงดึก ๆ ดื่น ๆ
หรือหากจะอุบไว้ตอบเวลากลางวัน หรือหัวค่ำช่วงไพร์มไทม์ ส่วนกลางคืนปล่อยให้ฝ่ายค้านอภิปรายได้เต็มที่ เพราะคนผู้คนนอนหลับไปแล้ว แต่ไม่แน่นักว่า จะเป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะฝ่ายค้านชุดนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีวิธีคิดและสามารถใช้ยุทธวิธีที่แตกต่างออกไป หรือสามารถดักทาง-ย้อนเกล็ดกลยุทธ์ของฝ่ายรัฐบาลได้
ขณะที่แกนนำและทีมที่ปรึกษาที่นายกฯเรียกใช้ ส่วนใหญ่เป็นระดับอาวุโส อายุทะลุ 60-70-80 ปี แทบทั้งสิ้น แม้จะมีดีกรีผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก แต่เป็นในยุคสมัยเก่าก่อน
เพราะการอภิปรายยุคสมัยนี้ ต่างจากยุคสมัยอดีต ที่จะมี “เวลาทอง” ช่วงไพร์มไทม์ ที่นักการเมืองขาใหญ่สำนวนโวหารดีมักจะคอยจับจองไว้ แต่ยุคนี้ไม่มีไพร์มไทม์ ไม่จำเป็นต้องเป็นช่วงหัวค่ำ หากข้อมูลดี-แน่น สามารถอภิปรายช่วงเวลาไหนก็ได้ อีกทั้ง การสื่อสารที่หลากหลายช่องทางในยุคปัจจุบัน อาจได้เห็นการนำเสนอด้วยรูปแบบต่าง ๆ ผ่านทางออนไลน์และโลกโชเซียลทดแทนได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นคลิปภาพ-เสียง ที่สามารถตัดซอยสั้นๆ เอาเฉพาะเนื้อๆ หรือผ่านแอปยอดนิยม อย่างติ๊กต๊อก ไม่ต้องยาว แต่เจ็บจี๊ด
ดังนั้น ศึกอภิปรายครั้งนี้ ยังจะต่อสู้ปะทะกันโดยใช้แอปและการสื่อสารยุคใหม่เป็นตัวช่วย ว่าใครจะถนัดหรือทำได้ดี เข้าถึงมวลชนได้มากกว่ากัน
สอดคล้องกับคำพูดของ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชนที่ย้ำว่า พรรคได้วาง ส.ส.ตัวตึงของพรรคสำหรับกระจายเป็นไฮไลท์ในแต่ละวันไว้แล้ว แต่ไม่ได้วางตัวสำหรับอภิปราย “บุคคลในครอบครัว” ตามญัตติที่เปลี่ยนแก้แต่อย่างใด
ไม่ต่างจากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน ที่พูดชัดเจนว่า การเปลี่ยนเนื้อหาในญัตติเป็น “บุคคลในครอบครัว” จะยิ่งเป็นการเปิดกว้างสำหรับอภิปรายหนนี้ ไม่นับรวมการชูธีม “ดีลแลกประเทศ” ซัดพรรคเพื่อไทย เอาประโยชน์ของประเทศ ไปแลกกับผลประโยชน์ของบุคคลในครอบครัว จุดพลุความน่าสนใจในญัตตินี้เพิ่มขึ้น
แม้จะยอมรับว่า โอกาสจะชนะโหวตเสียงคงเป็นไปได้ยาก เพราะเสียงส่วนใหญ่ยังเป็นของรัฐบาล แต่นายณัฐพงษ์ยังหวังผลว่า ข้อมูลที่ฝ่ายค้านเปิดแผลนายกฯ ในการอภิปรายครั้งนี้ จะเป็นหลักฐานสำหรับการยื่นฟ้องร้องตามกระบวนการ ยุติธรรม รวมทั้งการยื่นถอดถอน ในลำดับต่อไปได้
ดังนั้น สำคัญอยู่ที่ว่า ใครจะพลิกวิกฤติ จากต้องอภิปรายข้ามวันข้ามคืนให้เป็นโอกาส และเป็นประโยชน์สำหรับฝ่ายตนได้มากกว่ากัน
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการข่าวอาวุโส
อ่านข่าว : ประธานสภาฯ ขอฝ่ายค้านซักฟอกตามกรอบข้อบังคับ ไม่หวั่นซักฟอกลากถึงตี 5
"เท่าพิภพ" เผย ปลดล็อก "กม.เหล้า - เบียร์" ช่วยหนุนธุรกิจแอลกอฮอล์ - ท่องเที่ยวโต
"พิพัฒน์ " ยันไม่เกี่ยว ปม รัฐมนตรี "พ." ถือครองสร้อยเพชร 26 ล้านในกระแสข่าว