หลายคนคิดว่าตัวเองยังแข็งแรง และโรคร้ายคงไม่เกิดขึ้นจึงละเลยหรือไม่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากพอ แต่รู้หรือไม่ว่า "โรคหลอดเลือดสมอง" หรือ สโตรก อาจเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งตัว การรู้ทันปัจจัยเสี่ยงและสัญญาณเตือนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอาจช่วยป้องกันหรือลดความรุนแรง หากเกิดขึ้นกับตัวเราหรือคนที่รัก
โรคหลอดเลือดสมอง ภัยเงียบที่ต้องตระหนัก
ทุกๆ 3 วินาที มีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองรายใหม่เกิดขึ้น 1 คน
"โรคหลอดเลือดสมอง" เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ในประเทศไทย มีอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรสูง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อายุต่ำกว่า 70 ปี จากฐานข้อมูลสุขภาพ (HDC) กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2567 พบผู้ป่วยสะสม 358,062 คน มีผู้เสียชีวิตถึง 39,086 คน
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบว่า 1 ใน 4 ของประชากรป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองมากกว่า 12 ล้านคนต่อปี และเสียชีวิตมากถึง 6.5 ล้านคน
อย่าประมาทกับสุขภาพของตัวเอง เพราะโรคอาจมาโดยไม่ทันตั้งตัว
โรคหลอดเลือดสมอง ยังพบได้ในกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน ผู้ที่ขาดการออกกำลังกาย สูบบุหรี่ ผู้ใช้สารเสพติด

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
เรื่องเล่านาทีชีวิต ป่วยสโตรก ที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว
น.ส.พรไพริน หญิงวัย 29 ปี พนักงานออฟฟิศ เล่าประสบการณ์วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังหลับอยู่ เสียงของหล่นกลางดึก ปลุกให้เธอตื่นขึ้น ตอนแรกคิดว่าเป็นแมวทำของตก แต่เมื่อลุกไปดูกลับพบว่า พ่อของเธอเดินเซ ทรงตัวไม่อยู่ ทำข้าวของกระจัดกระจาย
เมื่อเช็กอาการพ่อเบื้องต้น พูดไม่ชัด อาการคล้ายคนเมา แขนขาอ่อนแรง พรไพริน ตกใจมาก รีบโทรแจ้ง 1669 ทันที รถกู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาล และพบว่าพ่อ เส้นเลือดในสมองแตกต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1 สัปดาห์ ซึ่งพรไพริน เล่าว่า พ่อเธอมีพฤติกรรมดื่มเหล้า และสูบบุหรี่ เป็นประจำ
อีกเคสเป็นกรณี "หมอซี" นพ.ธนรัตน์ ใบเจริญโรจน์ แพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย เจ้าของช่องติ๊กต๊อก "dr.c." ที่มีผู้ติดตามหลักแสนคน ที่เคยผ่านจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตเมื่อเขาป่วยเป็น "สโตรก" อย่างไม่คาดคิดในวัย 40 ปี หมอซี เล่าประสบการณ์ชีวิตให้ฟังผ่านรายการช่องยูทูป
เมื่อปี 2566 สโตรก ได้เปลี่ยนชีวิตเขาจากคนที่มีร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่เป็นเบาหวาน ความดัน หัวใจก็เต้นปกติ ไม่กินเหล้า สูบบุหรี่ ดูแลตัวเองอย่างดี กลายเป็นพูดไม่ชัด ร่างกายซีกหนึ่งใช้งานไม่ได้ ชีวิตเปลี่ยนไปเพียงชั่วข้ามคืน
"วันนั้นไปกินข้าวกับเพื่อน ๆ อยู่ ๆ รู้สึกว่าทำไมตัวเองถึงพูดไม่ได้ และขยับร่างกายไม่ได้เลย ราว 1 นาที จากนั้นภาพก็ตัดไป" ครั้งนั้นได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว และด้วยกำลังใจของคนรอบข้าง และการทำกายภาพบำบัดต่อเนื่อง เพียง 4 เดือนก็กลับมาทำงานได้ และหลังจากผ่านไป 1 ปี ร่างกายฟื้นตัว กว่า 90%
สองกรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า โรคหลอดเลือดสมองอาจเกิดขึ้นได้แบบไม่ทันตั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นคนที่ดูแลสุขภาพดีหรือมีปัจจัยเสี่ยง ฉะนั้นการรับรู้สัญญาณเตือน B.E. F.A.S.T. และเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็วคือกุญแจสำคัญในการรอดชีวิตและฟื้นตัว
B.E. F.A.S.T. คืออะไร
วันนี้จึงจะพาทุกคนไปเรียนรู้ถึงการ สังเกตอาการ หรือสัญญาณเตือน โรคหลอดเลือดสมอง ที่ทุกคนทำได้ด้วยตัวเอง ด้วยหลักการ B.E.F.A.S.T.
- B - Balance (เสียการทรงตัว) มีอาการเวียนศีรษะเฉียบพลัน ทรงตัวลำบาก เดินเซ หรือเสียการควบคุมร่างกาย
- E - Eyes (สายตามีปัญหาเฉียบพลัน) มองไม่ชัด หรือเห็นภาพซ้อน สูญเสียการมองเห็นบางส่วน
- F - Face (ใบหน้าบิดเบี้ยว) ปากเบี้ยว มุมปากตก หรือยิ้มแล้วใบหน้าไม่สมดุล
- A - Arms (แขนขาอ่อนแรง) ยกแขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่งไม่ขึ้น หรืออ่อนแรง อาจมีอาการชา หรือขยับแขนขาได้ไม่เต็มที่
- S - Speech (พูดลำบาก พูดไม่ชัด) พูดไม่ชัด เสียงเปลี่ยน ลิ้นแข็ง พูดไม่รู้เรื่อง พูดไม่ออกทันทีทันใด
- T - Time (เวลาเป็นสิ่งสำคัญ) หากพบสัญญาณข้างต้น รีบโทรแจ้งสายด่วนฉุกเฉิน 1669 นำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว ภายใน 4 ชั่วโมง 30 นาที
หากไปพบแพทย์ช้า อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หรืออาจจะกลายเป็น โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
โรคหลอดเลือดสมอง เกิดขึ้นได้อย่างไร
โรคหลอดเลือดสมอง หรือ สโตรก กรมควบคุมโรคอธิบายว่า คือ ภาวะที่เกิดจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองตีบ ตัน หรือแตก ทำให้ขัดขวางการนำออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์สมองส่งผลให้เนื้อสมองถูกทำลาย สูญเสียการทำหน้าที่จนเกิดอาการของอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
อาการสมองขาดเลือดจะเกิดแบบเฉียบพลัน มีอาการชาที่ใบหน้า ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด แขนหรือขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง เคลื่อนไหวไม่ได้หรือเคลื่อนไหวลำบาก เดินเซ ปวดศีรษะมาก ตามัวมองเห็นไม่ชัด โดยอาการเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด
โรคหลอดเลือด แบ่งเป็นกี่ประเภท
ข้อมูลจากสถาบันประสาทวิทยา โรคหลอดเลือด แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่
ภาวะสมองขาดเลือด พบได้ประมาณ 80% ของโรคหลอดเลือดสมอง มีสาเหตุมาจากการเสื่อมสภาพของหลอดเลือดจากการสะสมของคราบไขมัน หินปูน ที่ผนังหลอดเลือดชั้นในจนหนานูน แข็ง ขาดความยืดหยุ่น ทำให้รูของหลอดเลือดค่อยๆ ตีบแคบลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพของการลำเลียงเลือดลดลง หรืออาจเกิดจากลิ่มเลือดจากหัวใจ หรือการปริแตกของผนังหลอดเลือดหลุดมาอุดตันหลอดเลือดในสมอง
ภาวะหลอดเลือดสมองแตก อาการมักจะรุนแรงโดยมีอาการปวดศีรษะรุนแรงทันทีทันใด มากขึ้นรวดเร็วจนถึงหมดสติ ส่งผลให้เซลล์สมองได้รับบาดเจ็บ ทำให้เนื้อสมองตายมักพบในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ทำให้หลอดเลือดมีความเปราะและโป่งพอง และสาเหตุอื่นๆ ที่พบได้ เช่น ภาวะโป่งพองของหลอดเลือดสมอง ผู้ที่มีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เช่น โรคเลือด โรคตับ การรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด การได้รับสารพิษ การใช้สารเสพติด เป็นต้น

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ปัจจัยเสี่ยงที่ควรระวัง โรคหลอดเลือดสมอง
ปัจจัยเสี่ยงมีทั้งที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ และที่สามารถควบคุมได้ ยกตัวอย่างเช่น อายุที่มากขึ้น พันธุกรรม ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง มีญาติสายตรงป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ขาดการออกกำลังกาย น้ำหนักเกิน ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ความเครียด เป็นต้น
ฝุ่น PM 2.5 อันตรายต่อสมอง - ระบบทางเดินหายใจ
ฝุ่น PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กจิ๋วที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่กลับส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจ เมื่อสูดดมเข้าไป อาจทำให้เกิดอาการไอ ระคายเคืองทางเดินหายใจ หรือมีเสมหะขุ่นข้น สำหรับกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ผลกระทบอาจรุนแรงยิ่งขึ้น
ว่าที่ ร.ต.ท.หญิง พญ.นภา ศริวิวัฒนากุล ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา อธิบายว่า ฝุ่น PM 2.5 สามารถเข้าสู่ทางเดินหายใจ และดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด แล้วไหลเวียนไปสะสมที่ "สมอง" หรือสามารถซึมผ่าน "เยื่อบุโพรงจมูก" ซึ่งเชื่อมต่อกับสมองส่วนหน้าได้โดยตรง ทำให้สมองของผู้ป่วยทำงานผิดปกติ
ในระยะฉับพลัน ได้แก่ กลุ่มโรคหลอดเลือดสมอง ทำให้เกิดอาการอัมพฤกษ์อัมพาต หรือกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในสมอง กระตุ้นระบบประสาทภูมิคุ้มกันให้ทำงานผิดปกติ ในระยะกึ่งเฉียบพลัน และเมื่อมีการสะสมเป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมในผู้ป่วย และรบกวนพัฒนาการของสมองและสติปัญญาในเด็กด้วย ฉะนั้นเพื่อป้องกันผลกระทบจึงควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อลดและกรองฝุ่นจิ๋ว และดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
โรคหลอดเลือดสมอง ป้องกันได้ - ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- โรคหลอดเลือดสมองสามารถป้องกันได้ 90% โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดหวาน มัน เค็ม
- มีกิจกรรมทางกายหรือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน หรือสะสม 150 นาทีต่อสัปดาห์ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการก่อโรคหลอดเลือดสมองได้ถึง 25%
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ไม่เกินระหว่าง 18.5-22.9 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
- ควบคุมระดับความดันโลหิตน้อยกว่า 120/80 มิลลิเมตรปรอท
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
- ควบคุมระดับไขมันในเลือดไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
- งดสูบบุหรี่ งดดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงความเครียดพักผ่อนให้เพียงพอ
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
นพ.กฤษฎา หาญบรรเจิด ผู้อำนวยการกองโรคไม่ติดต่อ เคยให้ข้อมูลไว้ว่า การมีกิจกรรมทางกาย หรือออกกำลังกาย เป็นประจำ มีส่วนสำคัญในการป้องกัน "โรคหลอดเลือดสมอง" รวมถึงลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง ภาวะซึมเศร้า และความเครียด
องค์การอนามัยโลก (World Health Organization - WHO) แนะนำให้ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน หรือสะสม 150 นาทีต่อสัปดาห์ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนของหัวใจและหลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้น
ไม่เพียงการป้องกันไม่ให้เกิดโรค ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง สามารถออกกำลังกายเพื่อช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่น ลดปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัวและการเดิน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองซ้ำ แต่การออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และนักกายภาพบำบัด นั้นเพราะต้องปรับให้เหมาะสมกับสภาวะร่างกายและระดับการฟื้นตัวของแต่ละบุคคล นั้นเอง
เห็นได้ว่าหากรู้เบื้องต้นในการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และรู้ถึงอาการเบื้องต้น เพื่อการส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาได้ทันเวลา และหากมีอาการสงสัยมาเร็วที่สุด จะลดการเสียชีวิตและพิการได้ รวมทั้งจะมีโอกาสสูงมากในการเยียวยาอาการให้ดีขึ้น
อ้างอิงข้อมูล : สถาบันประสาทวิทยา, กรมการแพทย์, กรมควบคุมโรค
อ่านข่าว : 286 วันในอวกาศ ยานสเปซเอ็กซ์นำ "2 นักบินอวกาศ" กลับโลกสำเร็จ
หัวเราะวันละ 5 นาที ทางลัดสู่สุขภาพดีที่ใคร ๆ ก็ทำได้
บทเรียนจับกุม "ดูเตอร์เต" ขั้วอำนาจการเมืองเปลี่ยน ทุกสิ่งเป็นไปได้