เพียงสัปดาห์แรกของเดือน มี.ค.2568 เกิดเหตุช้างป่าทำร้ายคนเสียชีวิตแล้ว 2 คน เป็นเหตุเมื่อวันที่ 3 มี.ค. ช้างป่าทำร้ายเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วผลักดันช้างของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 1 คน ขณะเข้าผลักดันช้างในพื้นที่ ต.ศิลา อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ และเหตุช้างป่าทำร้ายหญิงอายุ 74 ปีเสียชีวิต ในสวนทุเรียน อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี ห่างจากอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ 17 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 5 มี.ค.
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2567 มีผู้เสียชีวิตจากช้างป่าทำร้าย 39 คน ส่วนปีงบประมาณ 2568 ตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตแล้ว 18 คน ถือเป็นตัวเลขที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้ง เพราะไม่ต้องการเห็นตัวเลขนี้เพิ่มขึ้น
อย่ามองมิติอนุรักษ์ช้างอย่างเดียว แต่มองมิติประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากช้างด้วย เขาน่าสงสาร ไม่ใช่ว่ารุกป่าอย่างเดียว แต่บางครั้งช้างออกมาไกล ซึ่งเขาอยู่บนความหวาดระแวงในการดำรงชีวิตและหากินในพื้นที่

อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า การแก้ปัญหาช้างออกนอกป่าอนุรักษ์ ต้องทำในหลากหลายมิติ ทั้งการป้องกันและชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทั้งชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งเคสช้างป่าทำร้ายชุดผลักดันฯ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง เกิดเหตุขณะเจ้าหน้าที่ 5-6 คนผลักดันช้างได้สำเร็จ แต่ช้างไปเจอกับกลุ่มชาวบ้าน จึงย้อนกลับมาและเจอกับเจ้าหน้าที่ 2 คน โดยพุ่งชาร์จจนมีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 1 คน ซึ่งต้องนำความสูญเสียในครั้งนี้ไปเป็นบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ในเรื่องความปลอดภัย
ช้างคงสับสนขณะถูกผลักดันและไม่มีที่ไป จึงชาร์จเจ้าหน้าที่ เราเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
เปิด 6 มาตรการลดผลกระทบช้างป่า
นายอรรถพล กล่าวถึงมาตรการ 6 ข้อ เพื่อลดผลกระทบจากช้างป่า ทั้งการปลูกพืชแหล่งอาหาร การสร้างแนวกันช้าง คูกันช้าง ที่จำเป็นดำเนินการในบางพื้นที่ เช่น ภาคตะวันออก, ชุดเฝ้าระวังและผลักดันช้าง ขณะนี้ทั่วประเทศมีประมาณ 86 ชุดปฏิบัติการ ในจำนวนนี้อยู่ในกลุ่มป่าตะวันออก 20 กว่าชุด แต่ยังไม่เพียงพอ
เจ้าหน้าที่แต่ละชุดทำงานหนักมาก ทำงานทุกวันจนดึกดื่น ต้องมีการสับเปลี่ยนกำลังกันตลอด เพราะชุดเฝ้าระวังและผลักดันจะเป็นกันชนในการป้องกันการปะทะระหว่างชาวบ้านกับช้าง

การจัดการพื้นที่เพื่อให้ช้างอยู่อย่างยั่งยืน บางพื้นที่ต้องจัดให้ช้างอยู่ในพื้นที่โดยให้อาหารและน้ำ เพื่อไม่ให้ช้างออกนอกพื้นที่ พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยว ขณะนี้อยู่ระหว่างคัดเลือกพื้นที่, การก่อสร้างศูนย์ปรับพฤติกรรมช้าง ควบคุมช้างที่มีพฤติกรรมรุนแรง ใช้งบฯ แห่งละ 9 ล้านบาท, การควบคุมอัตราการเพิ่มของประชากรช้าง ด้วยวัคซีนคุมกำเนิด ซึ่งจะนำร่องทดลอง 18 โดส ภายใน 2-3 เดือนในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ขณะนี้คณะทำงานวางแผนว่าจะฉีดกลุ่มไหน และใช้วิธีการอย่างไร
สำหรับกลุ่มป่าที่สำคัญในการแก้ปัญหาช้างออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ คือ กลุ่มป่าตะวันออก รอยต่อ 5 จังหวัด จันทบุรี ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ปราจีนบุรี ขณะนี้พบว่าช้างออกมาไกล และสร้างความเสียหายมากที่สุด, รองลงมาเป็นกลุ่มป่าตะวันตก บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร, กลุ่มป่าแก่งกระจาน, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อ-ภูกระแต อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว และพื้นที่ทางภาคใต้ เช่น พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จ.สุราษฎร์ธานี

อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า การผลักดันช้างในช่วงเวลากลางวัน พบว่ามีความร้อนสูง ส่งผลให้ช้างอารมณ์แปรปรวน แต่โดยทั่วไปเจ้าหน้าที่มักผลักดันในช่วงเวลากลางคืน และมองว่าโดรน Thermal เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นในการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบขณะปฏิบัติงานผลักดันช้างเข้าป่า
ทั้งนี้ งบประมาณปกติในการแก้ไขปัญหาช้างป่าและสัตว์ป่าที่สร้างผลกระทบต่อราษฎรนอกพื้นที่อนุรักษ์ อยู่ที่ปีละ 190 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบลงทุน 150 ล้านบาท มากที่สุดคือการก่อสร้างคูกันช้างเดิมแบบดาดคอนกรีต 108 ล้านบาท

การประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้าง
การประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้าง
เดินหน้าของบกลาง 749 ล้านบาท
แต่งบดังกล่าวไม่เพียงพอต่อความรุนแรงของปัญหา สถานการณ์ช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์เข้าไปยังชุมชน ทำลายพืชผลทางเกษตร หรือทำร้ายคนเสียชีวิต กลายเป็นความขัดแย้งคน-ช้างยาวนานนับสิบปี
เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ในการประชุมครั้งที่ 1/2568 คณะกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้าง เห็นชอบในหลักการให้มีการกำหนดร่างแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาช้างป่าแห่งชาติ พ.ศ.2568-2572 และคำขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบฯ 2568 งบกลางเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นโครงการแก้ไขปัญหาช้างป่าและลิงรบกวนประชาชน 749 ล้านบาท เพื่อเดินหน้ามาตรการเร่งด่วนในหลากหลายมิติ ดังนี้
- การเพิ่มชุดเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า งบประมาณ 288 ล้านบาท โดยจ้างเจ้าหน้าที่ 98 ชุด ชุดละ 5 คน รวม 490 คน จ่ายเงินเดือนคนละ 9,500 บาท พร้อมจัดซื้อครุภัณฑ์และอุปกรณ์ 98 ชุด ชุดละ 12 รายการ
- ก่อสร้างศูนย์ปรับพฤติกรรมช้างป่า แบบคอกเดี่ยว พร้อมอาคารประกอบ งบประมาณ 269.9 ล้านบาท ในพื้นที่ 5 กลุ่มป่า จำนวน 5 ศูนย์ โดย 1 ศูนย์ ประกอบด้วยคอกช้างป่า 5 คอก พร้อมคลินิกสัตว์ป่าและอาคารบ้านพัก
- จัดตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังช้างป่าและสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ โดยสนับสนุนเครือข่ายละ 50,000 บาท จำนวน 212 เครือข่าย งบประมาณ 10.6 ล้านบาท

- ฝึกอบรมทบทวนสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่และเครือข่ายเฝ้าระวังช้างป่าและสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ 4.6 ล้านบาท
- เพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมสถานการณ์ด้วยรถปฏิบัติการเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า งบประมาณ 51.8 ล้านบาท โดยจัดซื้อรถปฏิบัติการ 5 คัน คันละ 10 ล้านบาท พร้อมค่าน้ำมันเชื้อเพลิงคันละ 2 แสนบาท
- สนับสนุนงบประมาณค่าอาหารช้างป่าและลิงแสม กรณีพลัดหลง-บาดเจ็บ จำนวน 24.3 ล้านบาท
- งบประมาณช่วยเหลือเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ราษฏรที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่า กรณีความเสียหายของทรัพย์สิน พืชผลทางการเกษตร งบประมาณ 100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้าง ได้เห็นชอบในหลักการของการของบกลางดังกล่าว ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะส่งเรื่องไปที่สำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณ จากนั้นจะเสนอกลับมายังบอร์ด และ ครม.ตามขั้นตอนต่อไป แต่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ย้ำถึงความจำเป็น เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อนหนัก และสูญเสียชีวิต