ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ญัตติ" คืออะไร ความหมาย และความสำคัญ ที่ใช้ในการประชุมสภา

การเมือง
13 มี.ค. 68
09:00
122
Logo Thai PBS
"ญัตติ" คืออะไร ความหมาย และความสำคัญ ที่ใช้ในการประชุมสภา
เคยได้ยินคำว่า "ญัตติ" ในข่าวการเมืองไหม รู้ไหมว่ามันคืออะไร ทำไมถึงมีบทบาทสำคัญในการประชุมสภา แล้วเกี่ยวข้องกับเรายังไง มาทำความเข้าใจเรื่องนี้กัน

การอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ถูกกำหนดไว้ปลายเดือน มีนาคม 2568 เริ่มจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยพรรคประชาชน ยื่นญัตติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยล็อกเป้าเฉพาะ น.ส.แพทองธาร เพียงคนเดียว แทนที่จะรวมรัฐมนตรีคนอื่นด้วย เหตุผลที่ฝ่ายค้านให้ไว้คือ การบริหารราชการแผ่นดิน

ประเด็นหลักในญัตติ ฝ่ายค้านระบุข้อกล่าวหาต่อหลายประการ น.ส.แพทองธาร อาทิ ขาดภาวะผู้นำและความรู้ความสามารถ ในการบริหารประเทศ, ขาดเจตจำนงในการแก้ปัญหาให้ประชาชน, ยินยอมให้บิดา (นายทักษิณ) สามารถชักนำ จูงใจ มีส่วนในการบริหารฯ, บริหารเศรษฐกิจล้มเหลว เป็นต้น

จากนั้น "ประธานสภาผู้แทนราษฎร" ทำหนังสือถึง "ผู้นำฝ่ายค้าน" สั่งแก้เนื้อหาญัตติซักฟอก โดยให้ตัดชื่อ "นายทักษิณ" ออก เนื่องจากเป็นบุคคลภายนอก ไม่สามารถชี้แจงในสภาได้ ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ระบุเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ก็ยังยืนยันที่จะให้เนื้อหาในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร มีชื่อ "ทักษิณ" อยู่ต่อไป 

พร้อมย้ำ 3 เหตุผล และตัวอย่างญัตติที่ฝ่ายค้านได้ใช้เป็นเหตุผล หลายครั้งก็มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกได้หากมีความจำเป็น จึงอยากให้ประธานสภาฯ ได้ฟังเหตุผลอีกครั้ง ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเป็นอำนาจของประธานสภาฯ ในการตัดสินใจ

มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจเข้าใจคำว่า "ญัตติ" แล้ว แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่า คืออะไร มีความหมายอย่างไร และทำไมถึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการประชุมของวุฒิสภา มาหาคำตอบกัน

"ญัตติ" คืออะไร สำคัญอย่างไร

อ่านข่าว : "แพทองธาร" ปัดล็อบบี้ถอนชื่อ "ทักษิณ" พ้นญัตติอภิปราย

"ญัตติ" หมายถึง ข้อเสนอใด ๆ ในสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา ที่มีความมุ่งหมายให้ลงมติหรือชี้ขาดว่าจะให้ปฏิบัติ หรือดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ อย่างไรต่อไป 

ความหมายแบบกระชับ "ญัตติ" คือ "ข้อเสนอเพื่อลงมติ" ส่วน ความหมายอย่างกว้าง "ญัตติ" คือ ข้อเสนอใด ๆ ที่มีความมุ่งหมายจะให้รัฐสภาลงมติหรือวินิจฉัยชี้ขาดว่าจะให้ปฏิบัติหรือดำเนินการอย่างไรต่อไป

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ให้ความหมายของญัตติว่า "ญัตติ" น. ข้อเสนอ เพื่อลงมติ เช่น ผู้แทนราษฎรเสนอญัตติเข้าสู่สภาเพื่อขอให้ที่ประชุมลงมติว่าจะเห็นชอบด้วยหรือไม่

ส่วน ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 44 ให้ความหมายว่า "ญัตติ" คือ ข้อเสนอที่มีความมุ่งหมายให้สภาลงมติหรือชี้ขาดว่าจะให้ปฏิบัติหรือดำเนินการอย่างไรต่อไป

ความสำคัญของ "ญัตติ" 

เนื่องจากการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ของรัฐสภาจะต้องมีการเสนอเป็นญัตติ ญัตติจึงเป็นกลไลการดำเนินงานที่สำคัญของรัฐสภา เพื่อให้สภาได้พิจารณาตามวัตถุประสงค์ ของการเสนอญัตตินั้น

  • ญัตติเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ที่ประชุมพิจารณาและตัดสินใจเรื่องสำคัญ เช่น ออกกฎหมาย หรือกำหนดนโยบาย
  • การเสนอญัตติเปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคนมีสิทธินำเสนอประเด็นที่ต้องการพิจารณา
  • ญัตติสามารถใช้ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร เช่น การเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล หรือ ทั้งคณะ 
  • ญัตติทำให้การประชุมดำเนินไปตามขั้นตอนที่ชัดเจน และช่วยป้องกันความสับสน

ในส่วนของ สภาผู้แทนราษฎรนั้น การเสนอญัตติของสมาชิกจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 หมวด 4 การประชุม ส่วนที่ 2 การเสนอญัตติ ข้อ 44 ถึง ข้อ 65 ซึ่งมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ 

ผู้มีสิทธิ "เสนอญัตติ" เป็นใครบ้าง

ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 กำหนดให้ผู้มีสิทธิเสนอญัตติ ได้แก่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา คณะรัฐมนตรี และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนด

ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรนั้น สมาชิกแต่ละคนมีสิทธิเสนอญัตติในประเด็นที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร และเป็นเรื่องที่ตนสนใจ อาจเกี่ยวข้องกับประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน รวมถึงอยู่ในความสนใจของประชาชน เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาและลงมติหรือชี้ขาดว่าจะให้ปฏิบัติหรือดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยปกติการเสนอญัตติจะต้องมีผู้เสนอตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ยกเว้นในกรณีที่มีการกำหนดจำนวนผู้เสนอขั้นต่ำไว้ เช่น

  • ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ จะกำหนด จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้เสนอเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
  • ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติจะกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้เสนอเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
  • ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จะกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้เสนอเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

 ผู้รับรอง ญัตติ แบ่งเป็น 2 กรณี

ญัตติสามารถแยกออกเป็น 2 กรณี นั้นคือ ญัตติที่ต้องมีผู้รับรอง และ ญัตติที่ไม่ต้องมีผู้รับรอง

1. ญัตติที่ต้องมีผู้รับรอง : การเสนอญัตติเพื่อให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณานั้น โดยปกติจะต้องเสนอล่วงหน้าเป็น "หนังสือ" ต่อ "ประธานสภาผู้แทนราษฎร" และจะต้องมีผู้รับรองญัตติ การรับรองญัตติเป็นการแสดงว่ามีผู้สนใจและต้องการให้มีการพิจารณาญัตตินั้น ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนเป็นผู้มีสิทธิรับรองญัตติซึ่งตนไม่ได้เป็นผู้เสนอได้

ในการเสนอญัตติต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรโดยทั่วไปนั้นจะกำหนดให้มีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 5 คน
แต่หากมีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นก็จะต้อง
ดำเนินการตามบทบัญญัตินั้น 

ญัตติที่ต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า 20 คน เช่น ญัตติขอให้สภามีมติให้นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้ใดเข้าร่วมประชุมในเรื่องใดในที่ประชุม

2. ญัตติที่ไม่ต้องมีผู้รับรอง ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯได้กำหนดญัตติบางประเภทที่ไม่ต้องมีผู้รับรอง เช่น

  • ญัตติขอให้ประชุมลับ
  • ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ
  • ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ
  • ญัตติที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ

"ญัตติ" มีกี่ประเภท อะไรบ้าง 

ญัตติแบ่งได้ 2 ประเภท คือ ญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ และ ญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ จำแนกได้ตามวัตถุประสงค์ของการเสนอ เช่น ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ญัตติขอเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล 

1.ญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ คือ ญัตติที่ต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อยื่นเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรและต้องเสนอล่วงหน้า ซึ่งผู้เสนอและผู้รับรองจะต้องลงลายมือชื่อในญัตตินั้น โดยญัตติที่กำหนดให้เสนอเป็นหนังสือมักจะเป็นญัตติที่สำคัญ เพื่อให้สมาชิกได้นำไปศึกษาล่วงหน้า และในส่วนญัตติที่จะก่อให้เกิดผลใช้บังคับเป็นกฎหมาย ต้องเสนอเป็นร่างพระราชบัญญัติ และปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้กำหนดญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ เช่น 

  • ญัตติที่เป็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ญัตติที่เป็นร่างพระราชบัญญัติญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ  
  • ญัตติด่วน ในกรณีที่เกี่ยวกับประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน หรือมีความจำเป็นรีบด่วนในอันที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือความมั่นคงของประเทศไม่ว่าในทางเศรษฐกิจหรือในทางใด ๆ ก็ตาม โดยญัตติด่วนจะต้องไม่มีลักษณะทำนองเดียวกับกระทู้ถาม และต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งด้วย และให้เป็นอำนาจของประธานสภาผู้แทนราษฎรที่จะวินิจฉัยว่าญัตติใดเป็นญัตติด่วนหรือไม่ และเมื่อวินิจฉัยแล้วให้แจ้งผู้เสนอญัตติทราบพร้อมด้วยเหตุผลภายใน 5 วันนับแต่วันที่ได้รับญัตตินั้น

2.ญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ คือ ญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นลายลักษณ์อักษร โดยผู้เสนอสามารถ เสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ด้วยวาจา ส่วนผู้รับรองญัตติให้แสดงการรับรองโดยวิธียกมือขึ้นพ้นศีรษะ ญัตติที่เสนอด้วยวาจาส่วนใหญ่จะเป็นญัตติที่เกี่ยวกับระเบียบวิธีปฏิบัติในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อช่วยให้การพิจารณาญัตติหลักสำเร็จ ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เช่น ญัตติขอให้พิจารณาเป็นเรื่องด่วน, ญัตติเสนอลงคะแนนเสียงโดยเปิดเผยหรือลับ เป็นต้น 

ข้อห้ามในการเสนอญัตติ

ข้อห้ามในการเสนอญัตติ มีกรณีดังนี้

  • ห้ามเสนอญัตติอื่นขึ้นมาพิจารณาในระหว่างที่ประชุมกำลังพิจารณาญัตติใดอยู่ เว้นแต่ญัตติ ดังต่อไปนี้

1.ขอแปรญัตติเฉพาะในเรื่องที่ไม่ใช่ร่างพระราชบัญญัติ, 2.ขอให้รวมระเบียบวาระการประชุมที่เป็นเรื่องเดียวกัน ทำนองเดียวกัน หรือเกี่ยวเนื่องกันเพื่อพิจารณาพร้อมกัน 3.ขอให้ส่งปัญหาไปยังคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณา หรือขอให้บุคคลใดส่งเอกสารหรือมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็น 4.ขอให้รวมหรือแยกประเด็นพิจารณาหรือลงมติ 5.ขอให้เลื่อนการปรึกษาหรือพิจารณา 6. ขอให้ปิดอภิปราย 7.ขอให้ยกเรื่องอื่นขึ้นปรึกษาหรือพิจารณา ญัตติตาม 3, 5,6,7 เมื่อที่ประชุมลงมติเห็นชอบตามที่เสนอแล้ว ห้ามไม่ให้เสนอญัตติอื่น ในข้อนี้อีก

  • ห้ามเสนอญัตติขอให้ปิดอภิปราย และญัตติขอให้ยกเรื่องอื่นขึ้นปรึกษาหรือพิจารณา ในคราวเดียวกับการอภิปรายของตน
  • ห้ามเสนอญัตติขอให้ยกเรื่องอื่นขึ้นปรึกษาหรือพิจารณาในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
  • ญัตติใดถึงวาระพิจารณาในที่ประชุมแล้ว การเสนอญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันจะกระทำมิได้
  • ญัตติใดตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ ญัตติที่ยังไม่ได้มีการลงมติหรือญัตติที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะอนุญาตในเมื่อพิจารณาเห็นว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป

การบรรจุญัตติ เข้าระเบียบวาระการประชุม 

การบรรจุญัตติเข้าระเบียบวาระการประชุม สามารถพิจารณาได้เป็น 2 กรณี

1.ญัตติทั่วไป ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรบรรจุญัตติทั่วไปเข้าระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ภายใน 7  วัน นับแต่วันที่ได้รับญัตตินั้นตามลำดับที่ยื่นก่อนหลัง กำหนดวันดังกล่าวให้หมายถึงวันในสมัยประชุม

2. ญัตติด่วน เมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรได้วินิจฉัยแล้วว่าญัตติใดเป็นญัตติด่วน ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร
บรรจุญัตติด่วนเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องด่วน

แต่หากประธานสภาผู้แทนราษฎรวินิจฉัยว่าญัตติใดไม่ได้เป็นญัตติด่วน ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการบรรจุญัตติเข้าระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับญัตตินั้นตามลำดับที่ยื่นก่อนหลัง กำหนดวันดังกล่าวให้หมายถึงวันในสมัยประชุม

กระบวนการของ "ญัตติ" เป็นไปอย่างไร 

การเสนอญัตติ : สมาชิกของที่ประชุมเสนอญัตติ โดยอาจต้องได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกคนอื่นตามข้อบังคับ

การพิจารณา : ที่ประชุมอภิปรายเกี่ยวกับญัตติ โดยสมาชิกสามารถแสดงความคิดเห็นหรือเสนอแก้ไข

การลงมติ : สมาชิกลงคะแนนเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับญัตติ

การดำเนินการตามผลมติ : หากญัตติผ่านการอนุมัติ ก็จะนำไปปฏิบัติ หรือมีผลบังคับใช้ตามข้อกำหนด

กระทู้ คืออะไร มีกี่ประเภท

นอกจาก การเสนอญัตติ ในการประชุมสภา ยังเปิดให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา ตั้งกระทู้ถาม ต่อ นายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีเกี่ยวกับงานในหน้าที่ แล้ว จริง ๆ แล้วกระทูถามคืออะไร 

กระทู้ถาม หมายถึง ข้อซักถามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภามีต่อนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเกี่ยวกับงานในหน้าที่ โดยจะถามเป็นหนังสือหรือด้วยวาจาก็ได้

กระทู้ถาม ถือเป็นวิธีการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายนิติบัญญัติที่จะทำให้ฝ่ายบริหารมีความระมัดระวังในการปฎิบัติหน้าที่  

การตอบกระทู้ถามมี 2 วิธี คือ

  • การตอบในที่ประชุมสภา
  • การตอบในราชกิจจานุเบกษา

สำหรับประเภทของกระทู้ถามนั้น ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 กำหนดให้กระทู้ถามมี 3 ประเภท คือ

  • กระทู้ถามสดด้วยวาจา
  • กระทู้ถามทั่วไป
  • กระทู้ถามแยกเฉพาะ

ส่วนข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 กำหนดให้กระทู้ถามมี 2 ประเภท คือ

  • กระทู้ถามเป็นหนังสือ
  • กระทู้ถามด้วยวาจา

อ้างอิงข้อมูล : คลังสารสนเทศรัฐสภา, หอสมุดรัฐสภา, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

อ่านข่าว : เย็นฉ่ำรับหน้าร้อน! How to ล้างแอร์เอง ประหยัด ทำได้จริง

ลุ้น ครม.จ่อปรับลดค่าไฟ 17 สต.ต่อหน่วยไร้วาระ "ดิจิทัลเฟสวัยรุ่น"

ซาอุฯ เป็นเจ้าภาพเจรจา สหรัฐ-ยูเครน หวังยุติสงครามรัสเซีย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง