ไม่เพียงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสส.อีสาน 13-14 คน นำโดย “ซัดดัมอีสาน” นายสุชาติ ศรีสังข์ อดีตสส.มหาสารคาม พรรคไทยรักไทย และอดีตแกนนำ กปปส. และนางอรทัย พลวิเศษ อดีตภรรยาของนายภิรมย์ พลวิเศษ อดีตคนในกลุ่มสามมิตร ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และอดีตผอ.โรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อหวังลบคำปรามาสว่า เลือกตั้งครั้งหน้า จะไม่มี พปชร.อยู่ในสาระบบพรรคการเมือง
แต่ที่เป็นประเด็นและสร้างสีสันให้กับวงการการเมือง หนีไปพ้นการไปเป็นแขกในรายการทอล์คชื่อดัง ของช่องหลายสี เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ทั้งจากคนดูและคนร่วมรายการได้ เพราะมีคำถามคำตอบทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องเสียงร่ำลือสารพัด รวมกระทั่งเรื่องการเมือง ยืดยาวกระทั่งต้องมีถึง 2 ตอน สะท้อนว่า “ลุงป้อม” พูดคุยแบบยาวๆ ก็ได้ ทั้งพูดรู้เรื่อง
ถือเป็นหมุดหมายรับประกันว่า “ลุงป้อม” พร้อมแล้วสำหรับการเป็นหนึ่งในผู้ซักฟอกนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน ดังที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพปชร. กล่าวยืนยันล่าสุดกับสื่อ โดยย้ำว่า จะเป็นผู้อภิปรายต่อจากผู้นำฝ่ายค้าน และจะพูดในภาพรวม
หากเป็นจริงตามนี้ จะถือเป็นเรื่องสุดเซอร์ไพรส์ เพราะถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เห็น “ลุงป้อม” ลุกขึ้นทำหน้าที่ สส. อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะก่อนหน้านี้ ขนาดตกเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ถูกซักฟอก ยังลุกขึ้นตอบคำถามฝ่ายค้าน ที่ร่ายยาวด้วยคำตอบเพียงไม่กี่คสาเหตุที่ทำให้”ลุงป้อม”กล้าขนาดจะเป็นหนึ่งในฝ่ายค้านซักฟอกรัฐบาล เป้าหมายจริงอาจำ
ไม่ได้อยู่ที่หวังล้มรัฐบาล “หลานอิ๊งค์” แต่อันดับแรกสุด หนีไม่พ้นหวังลบคำสบประมาทว่า พูดไม่เป็น ไม่รู้เรื่อง ขนาดเดินยังเดินแทบไม่ไหว ต้องคอยมีคนคอยประคอง แล้วจะลุกขึ้นยืนอภิปรายได้อย่างไร
ถัดมาคือเรื่องระบายแค้น ไม่เพียงเพราะถูกปรับออกจาก ครม. คงไว้เฉพาะ สส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการโดนกล่าวหาจากผู้เป็นพ่อนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร แบบไม่ยอมไว้หน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกาะโต๊ะขอตำแหน่ง ผบ.ทบ. และต่อมา ยังขอตำแหน่งประธาน ป.ป.ช.อีก เพราะเรื่องแบบนี้ว่ากันว่า เป็นเรื่องในที่ลับ แต่กลับเอามาคายในที่แจ้ง
“ลุงป้อม” คงถือคติ ชายชาตินักรบ 20 ปี ล้างแค้นก็ไม่สาย แม้คงจะไม่ได้หวังจะเห็นวพูดยาวเหยียดเป็นน้ำลายแตกฟองเหมือนนักการเมืองอาชีพโดยทั่วไป แต่การได้ชื่อว่า ได้อภิปรายโจมตีรัฐบาล ที่มี “ลูกสาว” เป็นนายกฯ ก็ได้ว่าเอาคืนแล้ว
ที่สำคัญ บทบาทในฐานะคุมฝ่ายมั่นคงให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตั้งแต่ต้น ทั้งเรื่องรับมือกลุ่มขั้วการเมืองเก่าที่โดนรัฐประหาร กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้สัญลักษณ์ 3 นิ้ว ไปกระทั่งเรื่องเจรจา “ดีลลับ” ก่อนจะได้กลับประเทศไทยของ”นายใหญ่”กับรัฐบาล”ลุงตู่” มีหรือที่ “ลุงป้อม” จะไม่รู้
ยังไม่นับเรื่องทั่วไป เช่นปัญหาเศรษฐกิจ ความเดือดร้อนของประชาชนในประเทศ พปชร.ปัจจุบัน ยังมีคนที่ต้นทุนทางสังคมสูง มีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับในแง่ตัวบุคคล อาทิ 2 กุมาร นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีคลัง และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ ในรัฐบาล “ลุงตู่” ทั้งคู่ ตอนนี้ดูแลศูนย์นโยบายและวิชาการของพรรค
ยังมีนายธีระชัย ภูวนาทนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีคลัง รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นประธานด้านวิชาการ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรค และเป็นนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องน้ำมันและพลังงาน แต่ทั้งหมดไม่ได้เป็น สส. ทำหน้าที่อภิปรายในสภาไม่ได้ แต่เชื่อว่า สามารถทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลให้ “ลุงป้อม” นำไปอภิปรายได้
รวมทั้งเรื่อง เอ็มโอยู 44 ที่ “ลุงป้อม” เคยเป็นประธานคณะเจรจาฯฝ่ายไทย ที่เชื่อว่าน่าจะมีข้อมูลในเชิงลึกอยู่ในมือไม่น้อย และเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะเชื่อมโยงไปถึงนายทักษิณได้
แต่ปัญหาสำคัญอย่างแรก “ลุงป้อม” ต้องยืนระยะให้ได้ระดับหนึ่ง เพื่อสะท้อนเรื่องข้อมูลวงในในเรื่องที่ได้กล่าวมา ให้เป็นที่มาที่ไป คูเหลี่ยมการเจรจาที่มาของ “ดีลลับ” กลับประเทศ รวมทั้งผลต่อการบริหารราชการของ น.ส.แพทองธาร ในด้านเศรษฐกิจ และสังคม
กับอุปสรรคอีกประการหนึ่ง คือองครักษ์พิทักษ์รัฐบาล ที่เชื่อว่าจะมีคนอยากลองของและเบรก “ลุงป้อม” เพื่อสร้างภาพจำหรือหวังทำผลงานเข้าตาผู้มีอำนาจในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้ทีมงานต้องย้ำกับ “ลุงป้อม” ไม่ให้ตกหลุมพราง
แม้พรรคพลังประชารัฐ จะถูกมองว่า สส.ที่มีความโดดเด่นเรื่องลีลาและการอภิปรายในสภาฯ มีน้อยมาก แต่ครั้งนี้ อาจจะเข้าเป้าตามจุดประสงค์ที่วางไว้ ด้วยคนที่จะทำให้ พปชร.ถูกกล่าว
ขานในฐานะคนซักฟอก ที่สร้างปัญหาให้กับรัฐบาลได้ มีข่าวปรากฏบนหน้าสื่อและโลกออนไลน์ ไม่ใช่ใครที่ไหน
เป็นหัวหน้าพรรค “ลุงป้อม” คนนี้นี่เอง แต่จะทำได้หรือสำเร็จแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ “ลุงป้อม” เองเป็นสำคัญ
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว :