ถือเป็นการดัดหลังฝ่ายค้านโดยตรง หลังจากแกนนำในพรรคประชาชน เรียกร้องเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจถึง 5 วัน แม้จะรู้ดีว่าเป็นไปได้ยากมาก แม้จะอ้างมีรัฐมนตรีอยู่ในข่ายถึง 10 คน
แต่ถึงเวลาจริง กลับพลิกเกมยื่นซักฟอกนายกฯ คนเดียว ด้วยข้ออ้างข้อสอบรั่ว มีหนอนในฝ่ายค้านเป็นไส้ศึก จึงต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ กลายเป็นการสับขาหลอก
ความจริง เรื่องข้อสอบรั่ว ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับการเมืองไทย ยิ่งในช่วงที่รัฐบาลเข้มแข็ง มีบารมีเป็นที่เกรงขาม คล้ายที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายค้าน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางพรรคบางกลุ่ม จะพยายามเอาใจรัฐบาลและ “นายใหญ่” หวังจะทำผลงานเข้าตาบ้าง เผื่อฟลุ๊ค
การเปลี่ยนเป้าจาก รมต.รายบุคคลเป็น นายกฯ คนเดียว จุดประสงค์หลัก คงถึงขั้นหวังน็อคนายกฯ คาสภาแน่นอน เพราะถึงอย่างไรเสียงในสภาฯ ก็มากกว่า มิหนำซ้ำ มีคนระดับ “เก๋าเกม”อย่างนายใหญ่ คอยคุมเกมอยู่ไม่ห่าง แต่ที่น่าจะเป็นจุดประสงค์หลัก คือท้าทายพิสูจน์ภาวะความเป็นผู้นำของ น.ส.แพทองธาร ในสถานการณ์ที่ตกเป็นเป้าเดี่ยว และไม่เคยโดนซักฟอกมาก่อน
ฝ่ายค้านเชื่อว่า น.ส.แพทองธาร ต้องเครียดและกังวลอย่างไม่ต้องสงสัย แต่จะแสดงออกหรือทำเอาลุกลี้ลุกลนพูดผิดพูดถูกเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เป็นอาสาว หรือไม่ หากทำได้ เท่ากับทำลายเครดิตของนายกฯ ว่าไร้เสียงสา ขาดความสามารถที่จะนำพาประเทศชาติในช่วงสถานการณ์แบบนี้ เพราะต้องรับศึกทั้งในประเทศและต่างจากประเทศ
อีกจุดประสงค์หนึ่ง ฝ่ายค้านหวังจะตอกย้ำการยอมตกอยู่ภายใต้การชี้นำชักใย โดยอดีตนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพ่อ ดังที่ได้เห็นเนื้อหาในญัตติที่ยื่นต่อประธานสภาฯ ได้ระบุว่า ยอมประพฤติตนเป็นเสมือนนายกหุ่นเชิด มีบิดาเป็นนายกฯ ตัวจริง ที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ
เป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านหวังจะเปิดแผลรัฐบาลให้ลึกขึ้น กว้างขึ้น ซึ่งไม่เพียงจะดิสเครดิตนายกเท่านั้น แต่ยังมีนัยได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายทักษิณควบคู่ไปด้วย เพราะนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ก็พูดเจนว่านายทักษิณคือตัวปัญหาของประเทศ
แต่อุปสรรคใหญ่ จะฝ่าด่านองครักษ์พิทักษ์ นายกฯ และนายทักษิณได้อย่างไร เพราะแกนนำและลูกหาบในพรรค ต่างทยอยออกโรงมาพูดดักทางห้ามพาดพิงนายทักษิณไว้แล้ว จะยอมให้พูดเฉพาะเป็นบิดานายกฯ เท่านั้น
ทั้งยังดึงรุ่นใหญ่อย่างนายสุทิน คลังแสง อดีตรัฐมนตรีกลาโหม อดีตประธานวิปฝ่ายค้าน มาเป็นหัวหน้าทีมคุมเกมในห้องประชุมสภาโดยตรง
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เมื่อฝ่ายรัฐบาลพลิกเกมกลับ ขีดกรอบการอภิปรายนายกฯได้แค่วันเดียว เท่ากับเป็นการเล่นเกม “เพลย์ เซฟ” ให้นายกฯ น.ส.แพทองธารโดยตรงชัดเจน ไม่ให้โดนแรงกระแทกจากถูกซักฟอกมากเกินไป ยังไม่นับเรื่องรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล สามารถอ้างถูกพาดพิง ลุกขึ้นอภิปรายในญัตตินี้ได้อีกแรงหนึ่ง
ถือเป็นหมากเกมเรื่องความเก๋า ที่เอาชนะความสดใหม่ของฝ่ายค้านได้ ชนิดที่ฝ่ายค้านเองก็คาดไม่ถึง ทำให้แม้จะสรรหาข้อมูลในเชิงลึกได้มากขนาดไหน แต่หากไม่มีโอกาสได้พูด หรือได้พูดน้อย ก็แทบไม่มีประโยชน์ เว้นแต่ฝ่ายค้าน จะพลิกกลับเล่นเกมเหนือเมฆอีกครั้ง โดยใช้วิธีอภิปรายนอกสภาต่อ หลังจากญัตติซักฟอกในสภาฯยุติลง เหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในสมัยรัฐบาล “บิ๊กตู่”
ดังนั้น การซักฟอกรัฐบาล ที่ต่างฝ่ายต่างชิงไหวพริบ ใช้กลยุทธ์ซ้อนกลยุทธ์แบบนี้ และสุดท้ายได้อภิปรายแค่วันเดียว คนที่จะเสียโอกาสและได้ประโยชน์น้อยที่สุด คือประชาชน เพราะจะได้รับรู้ข้อมูลจากศึกน้ำลายครั้งนี้จำกัด
มิหนำซ้ำอาจเป็นข้อมูลเดิม ๆ ที่เคยปรากฏบนหน้าสื่อมาแล้วเมื่อมีเวลาจำกัด แทนที่ประชาชนจะได้รับรู้ข้อมูลเชิงลึกในทุกมิติ ทั้งมติทางการเมือง มิติด้านเศรษฐกิจ เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพลกศ์ เรื่องกาสิโนถูกกฎหมาย แลนด์บริดจ์ แม้กระทั่งเรื่องแก้ปัญหาราคาข้าวและราคาพืชผลการเกษตร ที่รัฐบาลกำลังมะงุมมะงาหรา แก้ไม่ตรงจุด
รวมทั้งปัญหาในมิติด้นสังคม แก๊งคอลฯ แก๊งมิจฉาชีพ แก๊งจีนเทาในไทย เรื่องบุหรี่ไฟฟ้าที่ลักลอบนำเข้ามาแล้วทำร้ายเด็กและเยาวชนอย่างไร้มนุษยธรรม ที่ถือเป็นเรื่องใหญ่ พอๆกับพนันออนไลน์ ยาเสพติด ปัญหาระบบการศึกษาไทย ที่โดนเพื่อนบ้านในย่านอาเซียนแซงหน้าไปหมดแล้ว หากได้อภิปรายรัฐมนตรีที่ดูแลรับผิดชอบโดยตรง แทนการถามผ่านนายกฯ
อันเป็นผลจากการเล่นการเมืองมากไป หวังจะเอาชนะคะคาน และรักษาอำนาจ หน้าตา รวมทั้งภาพพจน์เป็นสำคัญ แทนที่จะเปิดกว้างอภิปรายรายบุคคลอย่างสร้างสรรค์ และให้เวลามากพอสำหรับการอภิปราย เพื่อสะท้อนข้อเท็จจริงรวมทั้งรับทราบแนวทางหรือความคืบหน้าการแก้ปัญหา ทั้งที่ผู้คนรอคอยญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลมานานกว่า 1 ปีแล้ว
แต่ทั้งหมดแทบจะเสียเวลาเปล่า จากอภิปรายนายกฯ คนเดียว และมีเวลาเพียง 1 วัน สำหรับซักฟอก
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : สปสช. ยืนยันมะเร็งรักษาทุกที่ไม่ใช้ใบส่งตัว คลินิกไม่ต้องตามจ่าย