แม้แต่ในญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้าน ยังเขียนพาดพิงไว้ด้วยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ สมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการ อันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง ที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ
เบิกทางให้การซักฟอก สามารถแตะต้องไปถึงนายทักษิณได้ สวนกลับที่คนในพรรคเพื่อไทยหลายคน ออกโรงตอกย้ำ ห้ามพูดพาดพิงถึงนายทักษิณ เพราะเป็นบุคคลภายนอกโดยเด็ดขาด แต่ดูจากญัตติแล้ว คงห้ามลำบาก
ทั้งปมชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ และเรื่องโครงการต่าง ๆ ที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ ทั้งในงานดินเนอร์ทอล์ก หรือบนเวทีหาเสียงเลือกตั้ง อบจ. แล้วกลายเป็นนโยบายของรัฐบาล ทั้งที่ไม่ใช่นโยบายในหาเสียงตอนเลือกตั้ง ปี 66 อาทิ แลนด์บริดจ์ และเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโนถูกกฎหมาย รวมอยู่ด้วย
ขณะที่นายกฯ ก็โดนเต็มพะเรอเกวียน ตั้งแต่ไม่มีคุณสมบัติ ไม่เหมาะสมในการเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร ขาดความรู้ความสามารถ และเจตจำนงที่จะแก้ปัญหาประเทศชาติและประชาชน ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา เห็นแก่ผลประโยชน์ของคนในครอบครัวและพวกพ้อง ขาดความซื่อสัตย์สุจริต
ไม่ทำตามนโยบายที่หาเสียง ช่วยเหลือต่างตอบแทนกับกลุ่มคนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย บริหารบ้านเมืองล้มเหลว ทำลายระบบนิติรัฐ และระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา ปล่อยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน
แม้เอฟซีจะอ้างว่า เป็นเพียงการเขียนในญัตติ ต้องสรรหาความผิดพลาดบกพร่องให้มากที่สุด และต้องใช้ถ้อยคำ ให้หวือหวารุนแรงไว้ก่อน แต่เจอข้อกล่าวหาแบบนี้ เป็นใครก็ต้อง “จุกอก” และเป็นงานใหญ่ สำหรับมือใหม่หัดขับ ที่ไม่เคยโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจมาก่อน
แต่ในวันไปตอบกระทู้สดที่สภาฯ ครั้งแรก หลังร่ายยาวเรื่องสะสางปัญหา “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” นายกฯ ยังให้คำมั่นสัญญากวาดล้างเด็ดขาด แบบ “ไม่จบไม่เลิก” ท่ามกลางเสียงต่างปรบมือให้กำลังใจของ สส.พรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นเพียงกระทู้สดของ สส.พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ย่อมไม่โดนซักโดนกดดันอะไรมาก แต่ก็โดน สส.ฝ่ายค้านประท้วงวุ่น เพราะลุกหนีอไม่ยอมตอบกระทู้สดของฝ่ายค้าน
การตอบกระทู้สด กับการโดนอภิปรายซักฟอกย่อมแตกต่างกัน ยิ่งเป็นเป้าโดนถล่มอยู่คนเดียว ตลอด 2-3 วันที่ขึ้นอยู่กับตกลงกัน จะเพิ่มบรรยากาศที่มึนตึงและเคร่งเครียดแค่ไหน ต้องลองไปถามผู้ที่เคยมีประสบการณ์ หรือตอนโดนครั้งแรก อย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ต้องใช้บริการคนเขียนบทตอบให้ จนกลายเป็นภาพจำคำพูด “ปู่โธ่!” ตามบท
จึงได้เห็นทั้งนายทักษิณเข้าบ้านพิษณุโลก ไปประชุมหารือกับคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่มีนายพันธ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นประธานนานร่วม 3 ชั่วโมงก่อนที่ น.ส.แพทองธาร หลังตอบกระทู้สดที่สภา ได้เดินทางไปประชุมหารือกับทีมบ้านพิษณุโลก โดยมีรัฐมนตรีพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ร่วมด้วย
ประเด็นที่คาดว่า เป็นหัวข้อหารือ หนีไม่พ้นเรื่องปัญหาด้านเศรษฐกิจ ราคาสินค้าแพง แต่ราคาสินค้าเกษตรถูก โดยเฉพาะราคาข้าวที่เหลือตันละ 6,000-7,000 บาท จนเกิดม็อบชาวนาในพื้นที่ และอีกส่วนหนึ่งไปรวมตัวไปยื่นหนังสือเรียกร้องให้แก้ปัญหาที่ทำเนียบฯ ให้มีประกันราคาข้าวตันละ 11,100-12,000 บาท แต่มาตรการที่ นบข.ออกมาจะไม่เป็นที่พอใจเพราะเกาไม่ถูกที่คัน
ยังไม่นับเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ในปี 2567 โตไม่ถึง 3 % ซบเซาต่อเนื่องและจะมีผลต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย จนกลายเป็นที่มาและข้ออ้าง สำหรับเรื่องเดินหน้าหารายได้และดึงเงินเข้าประเทศเพิ่มจากกาสิโนถูกกฎหมาย รวมทั้งการพนันออนไลน์ มวย ฟุตบอล ที่อยู่ในระหว่างคิวแก้กฎหมาย
จึงเป็นสัญญาณชัดว่า รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยพร้อม “จัดใหญ่” รับมือฝ่ายค้าน ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านครั้งนี้ เพราะมีเดิมพันสูงด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย และการเตรียมพร้อมดังกล่าว ต้องรวมถึงความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาลและข้าราชการในกระทรวงต่าง ๆ ที่ต้องจัดเตรียมทีมงาน ข้อมูล และวอร์รูม พร้อมภาพประกอบการชี้แจง เป็นแบคอัพให้เต็มที่ และอาจจะได้เห็นระดับคนเบอร์ใหญ่ๆ ในรัฐบาล ใช้สิทธิพาดพิงคอยพูดช่วยเหลือในสภาฯ
นอกจากนี้ ยังจะได้เห็น “องครักษ์พิทักษ์” นายกฯ สำหรับทำหน้าที่รับมือและเบรกเกมฝ่ายค้านอย่างไม่ต้องสงสัย บรรยากาศการประท้วงที่ลดน้อยถอยลงในช่วงหนึ่ง อาจกลับมาให้เห็นในศึกอภิปรายครั้งนี้
ที่สำคัญ ศึกซักฟอกที่เป้าหมาย “ไข่ในหิน” ทายาทคนสำคัญคนนี้ ยอด “คุณพ่อ” ย่อมต้องมีบทบาทอย่างเต็มที่ ในการดูแลควบคุมเกมทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : "แพทองธาร" ยอมรับรู้ขั้นตอนส่งกลับอุยกูร์-คุยจีนระดับผู้นำ
"สุณัย" ตั้งคำถามรัฐบาลไทยเชื่อสัญญาปากเปล่า ส่ง 40 อุยกูร์ไปจีน