วันนี้ (19 ก.พ.2568) นายศักดินัย นุ่มหนู ประธานคณะ กมธ.การเกษตรและสหกรณ์ รับยื่นหนังสือจาก สส.พรรคประชาชน นำโดยนายกิตติภณ ปานพรหมมาศ, นายทวิวงศ์ โตทวิวิงศ์, นายกฤษฐ์หิรัญ เลิศอุฤทธิ์ภัคดี และคณะ เรื่องขอความช่วยเหลือชาวนากรณีราคาข้าวเปลือกตกต่ำ
นายกิตติภณ กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนราษฎรและผู้แทนชาวนา จ.นครปฐม ในพื้นที่ที่ปลูกข้าวนาปรัง 235,142 ไร่ โดยที่ส่วนใหญ่ปลูกข้าวพันธุ์ กข.41 ราคาปัจจุบันเหลือเพียง 7,000 บาทต่อตัน แต่ในความเป็นจริงชาวนาขายข้าวราคา 6,700 - 6,800 บาทต่อตันเท่านั้น
ขณะนี้ชาวนาจะเริ่มเกี่ยวข้าวช่วงต้นเดือน ก.พ. แต่ราคาต้นทุนการทำนาสูงขึ้นทุกชนิด รวมทั้งค่าเช่าที่นาปรับขึ้นราคาค่าเช่า 2,000 - 3,000 บาทต่อปี หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ชาวนาจะใช้หนี้หมดได้อย่างไร จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องราคาข้าว ลดต้นทุนปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืชและที่ดินทำกิน
นอกจากนี้ เรื่องปัญหาที่เกิดจากการเผาซังตอข้าวที่ภาครัฐมีมาตรการเข้มงวดกับเกษตรกรห้ามเผา ส่งผลกระทบต่อขั้นตอนในการทำนาที่มากขึ้น ชาวนาต้องหาผู้ให้บริการไถเตรียมดินที่พร้อมไถกลบซังตอข้าว เป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตของเกษตรกร รัฐบาลจึงต้องเข้าใจเงื่อนไขของเกษตรกร ช่วยผู้ให้บริการเตรียมการและให้เงินสนับสนุนกับเกษตรกร จะช่วยลดเงื่อนไขในการเผาได้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องสนับสนุนและดำเนินการอย่างจริงจัง ไม่ใช่การรณรงค์แบบไฟไหม้ฟาง เพื่อความอยู่รอดของเกษตรกรทุกคน จึงยื่นหนังสือถึงประธานคณะ กมธ. เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องดังกล่าว
ขณะที่นายศักดินัย กล่าวภายหลังรับหนังสือ ว่า ในฐานะประธานคณะ กมธ. เห็นความสำคัญในการแก้ไขปัญหาของชาวนาซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ และฝากถึงรัฐบาลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่ไม่มีการเตรียมความพร้อมวางแผนรับมือไว้ล่วงหน้าในการแก้ปัญหาชาวนา
ทั้งนี้ในวันที่ 20 ก.พ.นี้ คณะ กมธ.จะประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือเกษตรกร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมการค้าภานใน กรมการค้าต่างประเทศ รวมถึงตัวแทนเกษตรกร เพื่อหามาตรการช่วยเหลือชาวนา
อ่านข่าว
เปิดสาเหตุ "ข้าว" ชาวนาไทย ทำไมราคาตก