วันนี้ (18 ก.พ.2568) ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ควบคุมตัวผู้ต้องหา 10 คน แบ่งเป็นคนไทย 6 คน และคนจีน 4 คน ที่มีพฤติการณ์หลอกลวงให้ทำงานผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ และให้ร่วมลงทุนในลักษณะเชื่อมโยงไปขบวนการคอลเซนเตอร์
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง อธิบายแผนประทุษกรรม ว่า ผู้ต้องหาสร้างเพจหางานสร้างรายได้ผ่านทางออนไลน์ อ้างว่าหาเงินง่ายและได้เงินทันที เช่น ขายของออนไลน์ ให้กดไลก์ กดแชร์ ตามเพจต่าง ๆ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ และทำงานตามการกล่าวโฆษณา ปรากฏว่าได้เงินจริงหลายครั้ง จึงเข้าไปร่วมลงทุนทำธุรกิจประเภทอื่นของเครือข่าย และโอนเงินเข้าระบบจำนวน 60,000 บาท แต่เมื่อต้องการถอนเงิน กลับไม่สามารถถอนได้ ผู้ต้องหาอ้างว่า ผู้เสียหายไม่ได้ทำตามขั้นตอน จึงถอนเงินไม่ได้

ตำรวจจึงขยายผลจนพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาทำเป็นขบวนการ และนำทรัพย์สินที่ได้จากการหลอกลวงแปลงเป็นทรัพย์สินดิจิทัล ยักย้ายถ่ายเทหลายทอด โดยมีผู้ต้องหาอีกกลุ่มทำหน้าที่ฟอกเงิน เปลี่ยนเป็นเงินสด ก่อนจะนำส่งให้กลุ่มคนจีนที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย ขณะนี้พบผู้เสียหายถูกหลอกในลักษณะเดียวกันประมาณ 60 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
ขณะเดียวกันตำรวจได้ขยายผล และตรวจค้นเป้าหมาย 20 จุด ในพื้นที่ 8 จังหวัดทั่วประเทศ โดยออกหมายจับรวม 32 คน แบ่งเป็นกลุ่มบัญชีม้า 10 คน กลุ่มคอนเซนเตอร์ 2 คน กลุ่มฟอกเงิน 20 คน ความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่

ทั้งนี้ จับผู้ต้องหาได้ 10 คน ยึดของกลางรวมกว่า 200 รายการ เช่น เงินสด คอมพิวเตอร์ โฉนดที่ดิน รวมทั้งบ้านหรู คอนโด นาฬิกา เครื่องประดับ รวมมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท
สำหรับผู้ต้องหาที่ 1 หรือ น.ส.อัจฉรา และเป็นตัวการใหญ่ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา รับว่าได้รู้จักกับแฟนชาวจีน และรับเหรียญดิจิทัลจากลูกค้าชาวจีนที่ต้องการใช้เงินไทย ตั้งแต่ปี 2566 โดยคิดค่าบริการตามเปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินที่ต้องการแลก ส่วนผู้ต้องหาชาวจีน 4 คนให้การปฏิเสธ แต่รับว่าได้ทำหน้าที่รับแลกเหรียญดิจิทัล ก่อนนำเงินสดไปส่งมอบให้กับลูกค้าชาวจีน

หลังจากนี้ ตำรวจเร่งขยายผลตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดของกลุ่มผู้ต้องหา โดยจะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. ทำการตรวจยึด จากพฤติการณ์ผู้ต้องหาก่อตั้งบริษัทโดยให้คนไทยเป็นนอมินี เพื่อต้องการรับโอนกรรมสิทธิ์บ้าน และทรัพย์สินอื่น ๆ แต่ไม่ได้ดำเนินการธุรกิจจริง
นอกจากนี้ อยู่ระหว่างขยายผลติดตามผู้ต้องหาเครือข่ายเดียวกันที่ยังหลบหนีอยู่
อ่านข่าว : ผบ.ตร.ขีดเส้น 7 วัน ตรวจสอบ "ชาวอิสราเอล" ในพื้นที่ปาย