จากคนหายสู่การฆาตกรรมอำพราง 3 พ่อแม่ลูก หลังจากครอบครัวนี้หายตัวไป ก่อนพบเป็นศพในรถกระบะที่จอดทิ้งไว้ในบ้านร้าง ตำรวจแกะรอยหาหลักฐานจนสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้
ตลอดคืนวันที่ 14 ก.พ.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ควบคุมตัวนายศิวกร หรือ โน๊ต ผู้ต้องสงสัยร่วมฆ่า 3 พ่อแม่ลูกที่หายตัวไปจากบ้านตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค. ก่อนจะพบเป็นศพถูกยิงบริเวณศรีษะ เสียชีวิตภายในรถกระบะที่ถูกคลุมด้วยผ้าและทิ้งไว้ในบ้านร้าง
มีข้อมูลว่า นายศิวกร เป็นบุคคลที่นำปืนมาให้ผู้ตายและอ้างว่าเอาปืนมาจำนำกับผู้ตาย โดยนายศิวกรได้บอกกับสื่อมวลชนระหว่างที่ถูกควบคุมตัวมาโรงพักว่า "ไม่ใช่ผู้ต้องหา ยังไม่มีความผิด แค่มาให้ปากคำกับตำรวจเท่านั้น"
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhTpCnZ9tEY6m100ZyYfUFCltiBL.jpg)
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีได้ประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนเปิดเผยความคืบหน้าทางคดีนี้ว่า ตำรวจได้นำตัวนายศิวกรมาสอบปากคำ โดยให้การว่าได้เอาปืนมาจำนำกับนายวงศกร ผู้ตาย ซึ่งตำรวจเชื่อว่าเป็นปืนกระบอกเดียวกันกับที่ใช้ก่อเหตุ
แม้ก่อนหน้านี้นายศิวกรจะไม่ยอมให้ข้อมูลใด ๆ แต่หลังจากถูกตำรวจเค้นสอบอย่างหนักตลอดทั้งคืน นายศิวกรยอมรับสารภาพแล้วว่าร่วมกันฆาตกรรมอำพราง 3 พ่อแม่ลูกจริง มีผู้เกี่ยวข้อง 4 คน
นายศิวกร เป็นคนยิงผู้เสียชีวิตและเป็นคนส่งข้อความ sms ให้น้องชายภรรยาผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ยังมี นายนิรุธ เป็นคนซื้อซิมโทรศัพท์, นายเข้ ทำหน้าที่ช่วยยกศพและขับมอเตอร์ไซค์นำทางเข้าไปในที่เกิดเหตุ และนายชัยณรงค์ ให้ที่พักพิงแก่นายศิวกร และเป็นคนเก็บซิมการ์ดไว้
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhTpCnZ9tEY6m103ipBnUPu2W4eb.jpg)
พนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ระบุว่า จากการสอบปากคำนายศิวกร อ้างว่า วันเกิดเหตุไม่ได้ตั้งใจฆาตกรรมทั้ง 3 คน แต่เป็นการนัดเคลียร์ปัญหาเรื่องการกู้ยืมเงิน เนื่องจากก่อนหน้านี้นายศิวกรได้ติดต่อขอยืมเงินนายวงศกร จำนวน 100,000 บาท แต่เมื่อถึงวันเกิดเหตุ นายวงศกรเปลี่ยนใจไม่ให้ยืมเงิน
นายศิวกรและนายนิรุธ จึงขึ้นรถคันที่เกิดเหตุไปพร้อมกับภรรยาและลูกชายของนายวงศกร เพื่อพยายามเจราจาขอยืมเงิน แต่ไม่เป็นผล จึงทำให้โกรธแค้นและใช้อาวุธปืนยิงใส่นายวงศกรเสียชีวิต ก่อนจะหาทางอำพรางศพ แต่ระหว่างทาง นางนันกานต์ ภรรยาของนายวงศกร พยายามแย่งอาวุธปืนจนเกิดการยื้อแย่งกันและปืนลั่นถูกเด็กชายวัย 7 ขวบเสียชีวิต จากนั้นนายศิวกรจึงใช้อาวุธปืนยิงนางนันกานต์
หลังก่อเหตุ นายศิวกรและนายนิรุธได้ช่วยกันอำพรางศพ ก่อนจะนำสร้อยทองคำไปขายในราคา 120,000 บาท โดยร้านทองที่รับซื้อได้หลอมเพื่อขึ้นรูปใหม่แล้ว เบื้องต้นเจ้าของร้านทองดังกล่าวได้แสดงความบริสุทธิ์ใจและอยู่ระหว่างเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายศิวกร เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับความผิดต่อทรัพย์สิน ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.คลองขลุง แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน
อ่านข่าว