วันนี้ (4 ก.พ.2568) ท่ามกลางความคาดหวังว่า การตัดไฟ จะตัดท่อน้ำเลี้ยง ตัดวงจรคอลเซนเตอร์ แต่ภาคธุรกิจในจังหวัดตาก กังวลว่า อาจจะกระทบกับชาวบ้านและการค้าชายแดน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เรียกสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ (สมช.) ประชุมด่วน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ม หาดไทย นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ฝ่ายการธุรกิจและการตลาด เข้าร่วมประชุม
อ่านข่าว ตัดไฟทันที! นายกรัฐมนตรี สั่งปิดทางแก๊งคอลเซนเตอร์เมียนมา
วาระสำคัญ คือการหารือ ตัดการจ่ายไฟฟ้าประเทศเพื่อนบ้าน หลังมีข้อมูลว่า มีการนำไฟฟ้าไทยไปให้กับขบวนการคอลเซนเตอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติใช้
นายภูมิธรรม เวชชชัย รองนายรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
นายภูมิธรรม เวชชชัย รองนายรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
มติตัดไฟ 5 จุดเมียนมาสกัดคอลเซนเตอร์
ภายหลังประชุมกันนานกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที นายภูมิธรรม กล่าวว่า หลังจากมีการหารือกับทุกภาคส่วนแล้วเห็นว่าเรื่องนี้กระทบต่อความมั่นคงของคนไทย มีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 550,000 คดี ในแต่ละคดีมีผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 86,000 ล้านบาท เฉลี่ยสูญเสียเงินกว่า 80 ล้านบาทต่อวัน จึงถือเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อประชาชน จึงมีมติให้ตัดไฟฟ้า อิน เตอร์เน็ต และน้ำมัน ทั้งหมด 5 จุด ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป
โดยให้แจ้งทุกภาคส่วน เพื่อส่งเรื่องไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงสถานพยาบาลให้รับรู้เพื่อเตรียมการ
5 จุดโยงแก๊งคอลเซนเตอร์
นายภูมิธรรม ยืนยันว่า จากข้อมูลพบว่าทั้ง 5 จุดที่จะถูกตัดไฟฟ้าในเมียนมามีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่หากจะต้องไปเกี่ยวพันกับคนถือว่าเมียน มาต้องมีส่วนรับผิดชอบ เพราะถือว่าความทุกข์ที่ประชาชนคนไทยเผชิญอยู่เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดูแล
ทางการไทยได้แจ้งไปยังเมียนมาร์แล้วว่าทั้ง 5 จุดนี้ กระทบต่อความมั่นคงภายในของเรา ส่วนหลังจากนี้ทางเมียนมาจะดำเนินการอย่างไรเราไม่เข้าไปแทรกแซง เรื่องภายในของเขา เรื่องนี้จะไปสอดรับกับการซีลชายแดนทั้ง 51 จุด (สมช.) จะแจ้งเรื่องนี้ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนกังวลหรือไม่ว่าทางเมียนมา จะมีการตอบโต้ โดยการส่งแก๊สให้ไทย นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เคยมีการหารือแล้ว ซึ่งเมียนมาเข้าใจว่าไทยต้องดำเนินการ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของไทยแต่เป็นปัญหาของนานาชาติ เพราะบุคคลที่ถูกหลอกมาจากหลายชาติ
ส่วนหลังจากนี้จำเป็นจะต้องพิจารณาตัดไฟที่ส่งไปยังกัมพูชาด้วยหรือไม่นายภูมิธรรมระบุว่า วันนี้พิจารณาเฉพาะเรื่องเมียนมาก่อน ส่วนจุดไหนที่มีการตัดไฟไปแล้วแต่มีการลักลอบต่อไฟไปใช้ เจ้าหน้าที่ก็ต้องไปดำเนินการตามจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดนก็จะดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว
ขณะที่การดำเนินการเอาผิดบริษัทคู่สัญญานั้น นายภูมิธรรมระบุว่าวันนี้พิจารณาแค่เรื่องตัดไฟก่อน
เช็ก 5 จุดที่มีการตัดไฟฟ้า
- จุดซื้อขายบริเวณบ้านพระเจดีย์สามองค์-เมืองพญาตองซู รัฐมอญ
- จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านเหมืองแดง-เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน
- จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา-เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน
- จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนแห่งที่ 2-เมืองเมียวดี
- จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านห้วยม่วง-เมืองเมียวดี
ห่วงกระทบโรงพยาบาล
สำหรับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงชายแดน ระบุว่า จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ใช้ไฟฟ้าที่ส่งจากประเทศไทย เกือบ 100% ในการดำเนินชีวิตและประกอบกิจการต่างๆ มีประชากรกว่า 70,000 คน ไม่รวมประชากรแฝง โดยเฉพาะชาวจีน และสัญชาติอื่นๆอีก รวมไม่ต่ำกว่า 100,000 คน
นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ หอการค้าจังหวัดตาที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ หอการค้าจังหวัดตาก ระบุว่า นักธุรกิจทั้งคนไทย และเมียนมา มองว่า การตัดกระแสไฟฟ้า แม้จะแก้ปัญหาอาชญากรรมชายแดน แต่ก็ส่งผลกระทบกับชาวเมียนมาเช่นกัน เพราะมีโรงพยาบาล และส่วนราชการ รวมถึงกระทบการค้าชายแดน แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะค่อยๆปรับ และรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น
อ่านข่าว : เปิดพฤติการณ์แก๊งคอลเซนเตอร์ "ดาวกองร้อยปอยเปต"
สมช.สรุป 6 ข้อชง "มท.-กฟภ." ตัดไฟเมียนมาแก้แก๊งคอลเซนเตอร์
"ทวี" ยัน "หลิว จงอี" ไม่ตำหนิไทย หนุนยกระดับปราบคอลเซนเตอร์