เมื่อวันที่ 3 ก.พ.2568 เกิดเหตุชายบุกเดี่ยว ชิงทองคำรูปพรรณมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ในร้านทองกลางห้างสรรพสินค้าในอ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตำรวจอยู่ระหว่างแกะรอยติดตามตัวมาดำเนินคดี
กล้องวงจรปิดร้านทองแห่งหนึ่ง ในห้างสรรพสินค้าบันทึกภาพขณะผู้ก่อเหตุเป็นชายสวมเสื้อยีนส์แขนยาว กางเกงขายาว สวมหน้ากาก หมวกบักเก็ตสีดำ เพื่อปกปิดใบหน้า เดินเข้ามาภายในร้านทอง พร้อมสั่งให้พนักงานของร้าน 2 คน นั่งลงกับพื้น จากนั้นได้ชิงทองรูปพรรณที่โชว์อยู่ในตู้
อ่านข่าว วิกฤตไข้หวัดใหญ่ญี่ปุ่น! นักท่องเที่ยวเสี่ยงแค่ไหนและควรทำอะไร ?
ผู้ก่อเหตุบุกเดียวชิงทองใช้เวลาแค่ 1 นาทีกวาดทองน้ำหนัก 113 บาท
โดยใช้เวลา 1 นาที กวาดทองรูปพรรณน้ำหนักประมาณ 120 บาท มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ขณะก่อเหตุ ชายคนดังกล่าวไม่มีอาวุธ มีท่าทีใจเย็น หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
พนักงานร้านทองที่เกิดเหตุ ให้การว่า ขณะที่ผู้ก่อเหตุเข้ามาภายในร้านทอง ได้สั่งให้ตัวเองนั่งลง ด้วยความตกใจและเกรงว่าจะถูกทำร้าย จึงยอมทำตาม หลังผู้ก่อเหตุหนีไปได้โทรแจ้งตำรวจทันที
เขาบอกให้นั่งลง และเอาสร้อยน้ำหนัก 100 บาท ไม่เห็นตอนขึ้นบันไดแต่มาถึงที่ร้าน ตอนนั้นไม่มีลูกค้่าในร้าน ผู้ก่อเหตุใส่เสื้อยีนและสวมหมวก
พนักงานร้านทองเล่าเหตุการณ์
ล็อกเป้า-แกะรอยวงจรปิดตามหาชายชิงทอง
พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้เรียกประชุมทีมสืบสวนเพื่อเร่งคลี่คลายคดี โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เบื้องต้นทราบว่าทองรูปพรรณที่ผู้ก่อเหตุได้ไปมีทั้งสร้อยคอทองคำ และสร้อยข้อมือ น้ำหนักรวม 113 บาทเศษ มูลค่า 5.4 ล้านบาท
ลักษณะของผู้ก่อเหตุเป็นชายสวมหมวกปักอักษรสุพรีม สวมเสื้อยีนกางเกงยีนรองเท้าไนกี้สีขาวดำ โดยรถใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีอย่างละเอียด โดยให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนแบ่งหน้าที่กันทำงานทั้งการตรวจสอบกล้องวงจรปิดก่อน
ตอนนี้พอทราบเป้าหมาย คาดว่าจะได้ตัวเร็ว ๆ นี้ ได้ประสานพื้นที่ข้างเคียงในการร่วมกันตรวจสอบกล้องวงจรปิด นำพยานหลักฐานในพบในที่เกิดเหตุมาพิสูจน์ทราบโดย
ร้านขายทองคำในห้างย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี
มีรายงานว่า หลังก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุได้เดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟสีแดงดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งจอดในลักษณะหลบมุมกล้องวงจรปิด คาดว่า น่าจะมีการมาดูลาดเลาไว้ก่อนหน้า
ก่อนที่จะขับออกไปมุ่งหน้าถนนลำลูกกาขาออก ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางไปรษณีย์สาขาลำลูกกา แล้วใช้เส้นทางลัดเลาะเส้นทางสายใน มีการใช้เส้นทางแบบชำนาญคล้ายกับคนในพื้นที่ ก่อนที่จะหายไปในเส้นทางถนนคลองเจ็ดธัญบุรี-ลำลูกกา
อ่านข่าวอื่นๆ
บุกทลายบ่อนใหญ่ จ.นครนายก จับนักพนันกว่า 100 คน