แม้ไทยจะมีกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วย มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน (ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution) แต่ด้วยสภาพมลพิษในประเทศ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ อุตสาหกรรม การก่อสร้าง การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ถ่านหิน และเชื้อเพลิง การเผาป่าและไฟป่า จนเกิดฝุ่นจิ๋วขนาดเล็ก และฝุ่น PM 2.5
ขณะที่ภาคเกษตรกรรมที่ต้องการลดต้นทุน จึงทำให้มีการจุดไฟเผาไม่ยั้งในพื้นที่ทำการเกษตรของเกษตรกรกว่า 4 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ ทั้ง เลือกสวนไร่นาและไร่อ้อย ไร่ข้าวโพด และไร่หมุนเวียน ถือเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันดับต้นๆของประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีมีมลพิษข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ลาว เมียนมา และกัมพูชา จึงทำให้ปัญหายากเกินจะแก้ไข โดยเฉพาะการทำเกษตรในพื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งพบจุดความร้อนซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของไฟป่ามาอย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า 10 ปี
แม้ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาของรัฐไทย โดยกรมการค้าต่างประเทศ จะเคยนัดหารือกับนายคุนเต็งหม่อง (Khun Thein Maung) รัฐมนตรีเศรษฐกิจรัฐฉาน และนายไซเล็ก (Sai Late) รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติรัฐฉาน และคณะผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลส่วนกลาง และคณะผู้บริหารรัฐฉาน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เพื่อถกปัญหาดงกล่าว ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.2567 หรือเมื่อกลางปีที่แล้ว
เนื่องจากรัฐฉาน ซึ่งเป็นรัฐที่มีการทำเกษตรกรรมมากที่สุดของเมียนมาและเป็นรัฐที่ส่งออกสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มายังประเทศไทย เฉลี่ยปีละกว่า 1.5 ล้านตัน เนื่องจากผลผลิตของไทยไม่เพียงพอต่อการใช้ภายใน และด้วยพื้นที่รอยต่อทำไร่ข้าวโพดในพื้นที่รัฐฉาน ทุกครั้งที่มีการเพาะปลูกต้องมีการเผาทำลายตอซังเพื่อให้ง่ายต่อการไถกลบ จึงทำให้เกิดปัญหาหมอก ควัน ข้ามแดน
นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ยอมรับว่า ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน มีหลายปัจจัย เช่น ไฟป่า และปฏิเสธไม่ได้ว่า การเผาเพื่อทำการเกษตร คือ หนึ่งในปัญหาหลักที่ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศในพื้นที่ทางภาคเหนือของไทยและเมียนมา ขณะที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเมียนมาที่ไทยนำเข้า ถูกใช้ผลิตเป็นอาหารสัตว์ซึ่งเป็นต้นทางของห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain) ของสินค้าส่งออกสำคัญของไทย
นอกจากนี้ ไทยอยู่ระหว่างพิจารณาออกกฎหมายอากาศสะอาดคาด น่าจะได้รับการพิจารณาช่วงเดือนก.พ.นี้ และหากกฎหมายอากาศสะอาดผ่าน อาจมีผลกระทบต่อการนำเข้าสินค้าเกษตรที่มีการเผาจากเมียนมา
จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ฝ่ายไทยได้ย้ำกับผู้บริหารรัฐฉานว่าทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ทั้งเรื่องไฟป่าและการเผาเพื่อการทำการเกษตร
นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
เมียนมา-ไทย ตั้งทีมทำงาน ลดเผาพื้นที่เกษตร
ผลการหารือระหว่างไทย-เมียนมาในครั้งนั้น นำมาซึ่งข้อสรุปว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดในพื้นที่ป่าซึ่งมีการเผาเพื่อทำเกษตร โดยมีการกำหนดมาตรการ ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ในการแก้ไขปัญหาและทางการเมียนมาก็พร้อมให้ความร่วมมือ
ไมว่าจะเป็น การแบ่งปันองค์ความรู้การดับไฟป่า การสนับสนุนอุปกรณ์การดับไฟป่า ความร่วมมือเรื่องการจัดทำฐานข้อมูลจุดการเผา (Hot Spot) การจัดการพื้นที่ก่อนปลูกและหลังเก็บเกี่ยว การสร้างมูลค่าเพิ่มในการนำต้น และฝักข้าว โพดไปทำเป็นอาหารสัตว์หรือนำซังข้าวโพดไปทำปุ๋ยแทนการเผา เป็นต้น
รวมทั้งแลกเปลี่ยนความเห็นเพิ่มเติมในประเด็นทางการค้าที่จะทำให้การค้าชายแดนระหว่างไทยและเมียนมามีมูลค่าเพิ่มขึ้นและมีความราบรื่นมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ไทยผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ปีละประมาณ 4.8 – 5 ล้านตัน (ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร) และมีความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปีละประมาณ 8 ล้านตัน (ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย) ดังนั้นจึงยังมีความจำเป็นต้องนำเข้า โดยปี 2564 – 2566 ไทยมีการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเมียนมาเป็นอันดับ 1 เฉลี่ยปริมาณ 1.5 ล้านตันต่อปี คิดเป็นร้อยละ 94 จากการนำเข้าทั้งหมด โดยปี 2567 (ม.ค. - พ.ค.)
ส่งหนังสือ 42 ผู้ผลิตอาหารสัตว์งดนำเข้าข้าวโพดจากการเผา
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมได้ทำหนังสือถึงผู้ผลิตอาหารสัตว์ 42 ราย เพื่อขอความร่วมมือในการงดการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จากผู้ปลูกข้าวโพดที่มีการเผาพื้นที่จนทำให้เกิดมลพิษ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กตามนโยบายของรัฐบาล โดยผู้ผลิตอาหารสัตว์ เหล่านี้ถือว่าเป็นรายใหญ่ที่มีการนำเข้าสูงถึงปีละ 1.6-2 ล้านตัน
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เ
ที่ผ่านมาไทยมีความจำเป็นที่จะต้องนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มาใช้ผลิตอาหารสัตว์ในประเทศ 4-5 ล้านตันต่อปี เนื่องจากผลผลิตไม่เพียงพอ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา ลาว และกัมพูชา ซึ่งบางส่วนได้มีการเผาจนทำให้เกิดมลพิษ
แนวทางเบื้องต้นกรมฯขอความร่วมมือ ผู้ผลิตอาหารสัตว์ งดนำเข้าจากผู้ที่มีการเผาพื้นที่ซึ่งหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น อาจจะยกระดับเป็นการออกประกาศสั่งห้าม นอกจากนี้ กรมยังให้ความรู้แก่เกษตรกร และผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับสินค้าเกษตรให้งดการเผา เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าเกษตรของไทยถูกสั่งห้ามนำเข้าจากประเทศอื่นเช่นกัน
ในวันพรุ่งนี้ (30 ม.ค. 68) กรมฯจะประชุมแนวทางการดำเนินการเพื่อลดปัญหา PM 2.5 ข้ามพรมแดน เพื่อหาทางออกร่วมกันและหามาตรการสำหรับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้าน
พรรคประชาชน เสนอตั้งกองทุน "ปรับคนก่อมลพิษ"
นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด กล่าวถึง สาเหตุที่ใช้ระยะเวลาพิจารณาศึกษานานเพราะมีการยกร่างขึ้นฉบับใหม่ จากการหยิบยกเนื้อหาจาก 7 ร่างที่สภาผู้แทนราษฎรรับหลักการ เพื่อให้ร่างกฎหมายมีประสิทธิภาพสูงสุดในการจัดการปัญหาฝุ่น
จุดเด่นของร่าง พ.ร.บ.นี้ มีการกำหนดเกี่ยวกับกองทุนอากาศสะอาด ให้ผู้ที่ก่อมลพิษจ่ายค่าปรับและค่าธรรมเนียมเข้าสู่กองทุน และนำไปแก้ไขปัญหาอากาศในกรณีที่งบรายจ่ายประจำหรืองบกลางไม่สามารถนำมาใช้ได้ทันท่วงที
ส่วนปัญหาฝุ่นข้ามแดนนั้น แม้ปัจจุบันจะมีกฎหมายห้ามนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่กฎหมายฉบับนี้จะเป็นคู่มือการทำงานให้รัฐบาลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในการจัดการสินค้าที่ก่อให้เกิดมลพิษจากประเทศอื่น ซึ่งผู้ประกอบการเป็นคนไทยและนำเข้ามา
นอกจากนี้ บทลงโทษจะมีความชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งกฎหมายฉบับนี้มีการกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้งมีอำนาจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เกี่ยวกับกองทุนมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ นอกจากจะมีบทลงโทษที่ชัดเจนขณะเดียวกันต้องมีมาตรการสนับสนุนจากกองทุน
การจัดทำร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ส่วนใหญ่กรรมาธิการเห็นไปในทิศทางเดียวกัน จากนี้หากมีประเด็นที่เห็นต่างก็จะมีการลงมติ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนเนื้อหาสาระตั้งแต่มาตราที่ 1-100
สำหรับความคืบหน้าของการการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวอยู่ที่ 80% คาดร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด จะเข้าวาระเร่งด่วนในสภาฯ วาระ 2 และวาระ 3 ในช่วงเดือน ก.พ.นี้ คงต้องติดตามต่อไปว่า ทั้งพ.ร.บ. สะอาดฯ การหาทางออกฝุ่นข้ามพรมแดนของประเทศเพื่อนบ้านจะมีทิศทางอย่างไร
นอกจากนี้ต้องไม่ลืมว่า วิถีเกษตรกรของ ชาวไร่ ชาวสวน มีการเผามาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ การจะออกกฎหมาย หรือกฎใด ๆ อาจจะยาก ซึ่งทั้งรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องทำความเข้าใจกับเกษตรอย่างถ่องแท้ เพื่อลดความขัดแย้ง และที่สำคัญ อุตสาหกรรมต่างๆ ก็เป็นหนึ่งในผู้ร้ายที่ปล่อยฝุ่นPM 2.5 ด้วยเช่นกัน
อ่านข่าว:
ไหม้ซ้ำซาก 4 ผืนป่าอนุรักษ์ วาระชาติแก้จุดเกิด “ควันไฟ-PM 2.5”
เร่งพิจารณา พ.ร.บ.อากาศสะอาด คาดเข้าสภาฯ วาระ 2-3 ช่วง ก.พ.นี้
"ไทย" รับมือสงครามการค้าโลกเดือด “ทรัมป์” กลับมาเอาคืน
“อินเดีย”กลับมาทวงตลาดคืน ส่งออกข้าวไทยปี68 หืดขึ้นคอ