โดนัลด์ ทรัมป์ มองว่าการทำแบบนี้จะช่วยขัดขวางความพยายามของผู้อพยพผิดกฎหมายได้ ซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยอาศัยประโยชน์จากสิทธินี้
ประกาศกร้าวตั้งแต่ชนะการเลือกตั้งของโดนัลด์ ทรัมป์ แล้วว่า จะยุติสิทธิในการได้เป็นพลเมืองอเมริกัน เพียงแค่เพราะว่าคุณเกิดในสหรัฐฯ และจะทำตามที่ประกาศเอาไว้ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงานในทำเนียบขาวด้วย
คำสั่งฝ่ายบริหารที่ทรัมป์ลงนามเมื่อวานนี้ ถือเป็นการกำหนดนิยามเรื่อง "สิทธิในการได้รับสัญชาติโดยการเกิดในประเทศ" หรือที่เรียกว่า Birthright Citizenship โดยทรัมป์พยายามที่จะกำหนดให้เด็กที่เกิดในสหรัฐฯ จะได้รับสถานะพลเมืองโดยอัตโนมัติ ก็ต่อเมื่อเด็กคนนั้นต้องมีพ่อหรือแม่อย่างน้อย 1 คน เป็นผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวรถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐฯ หรือเป็นพลเมืองอเมริกัน
อ่านข่าว : "ทรัมป์" เปิดทาง "อีลอน มัสก์" ซื้อ TikTok
นอกจากนี้ยังไม่อนุญาตให้หน่วยงานรัฐบาลกลางออก หรือรับรองเอกสารที่จะพิสูจน์สถานะพลเมืองอเมริกันให้กับเด็กเหล่านั้นด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่า คำสั่งฉบับนี้จะส่งผลกระทบกับเด็กๆ ที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นผู้อพยพผิดกฎหมาย หรือเป็นคนที่ถือวีซ่าชั่วคราวในสหรัฐฯ หลังจากทรัมป์และกลุ่มผู้สนับสนุนแนวคิดนี้ มองว่า สิทธิดังกล่าวเปิดช่องให้ผู้อพยพผิดกฎหมายที่ตั้งครรภ์เร่งเดินทางเข้ามาในประเทศ เพื่อหวังได้ประโยชน์จากสิทธิในข้อนี้
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังทรัมป์ลงนามในคำสั่งฉบับดังกล่าว กลุ่มนักเคลื่อนไหวสนับสนุนผู้อพยพก็เริ่มขยับตัวทันที โดยกลุ่มแรกๆ ที่ยื่นเรื่องต่อศาลอย่างเป็นทางการ คือ กลุ่มสนับสนุนชุมชนอินโดนีเซียนิวแฮมป์เชอร์ที่ไปจับมือหลายองค์กรยื่นฟ้องโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากกรณีการลงนามในคำสั่งดังกล่าว ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ และทำให้เด็กๆ เกิดใหม่ได้รับอันตราย รวมทั้งยังลบหลู่คุณค่าพื้นฐานของอเมริกาและดูหมิ่นคำพิพากษาในอดีตของศาลด้วย
โดยกลุ่มเคลื่อนไหวดังกล่าว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน มองว่า คำสั่งของทรัมป์ถือเป็นการโจมตีเด็กแรกเกิดและชาวอเมริกันในรุ่นต่อๆ ไป และการโจมตีเช่นนี้จะต้องถูกขัดขวาง
เอกสารคำร้องที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวกลุ่มนี้ยื่นต่อศาลเขตรัฐนิวแฮมป์เชอร์ หยิบยกประเด็นข้อกฎหมายและคำตัดสินของศาลในอดีตขึ้นมาอ้าง โดยระบุว่า "สิทธิในการได้รับสัญชาติโดยการเกิดในประเทศ" เป็นหลักการที่ระบุว่า เด็กทุกคนที่เกิดในสหรัฐฯ จะเป็นพลเมืองอเมริกัน
สิทธิข้อนี้เป็นไปตามบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ฉบับที่ 14 เมื่อปี 1868 ซึ่งรับรองสถานะพลเมืองของเด็กทุกคนที่เกิดในสหรัฐฯ โดยไม่สนใจถึงเชื้อชาติ สีผิวหรือบรรพบุรุษของเด็กคนนั้น ขณะที่ผลคำตัดสินของศาลสูงสุดเมื่อปี 1898 ถือเป็นการยืนยันว่า เด็กที่เกิดในสหรัฐฯ แม้จะมีพ่อแม่เป็นผู้อพยพ แต่ก็ยังถือเป็นพลเมืองอเมริกันอยู่ดี

ทรัมป์ อ้างว่า สหรัฐฯ เป็นประเทศเดียวในโลกที่ให้สิทธิดังกล่าวกับเด็ก แต่จากข้อมูล พบว่า มีมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลกที่ให้สิทธินี้กับเด็กๆ ที่เกิดในประเทศนั้นๆ โดยเฉพาะประเทศที่ให้สิทธินี้แบบเต็มที่เกือบทั้งหมดอยู่ในฝั่งอเมริกา ไล่ตั้งแต่อเมริกาเหนือในแคนาดา สหรัฐฯ อเมริกากลางตั้งแต่เม็กซิโกลงมาจนถึงอเมริกาใต้ ส่วนในเอเชียมีที่เนปาลและปากีสถาน
ปัจจุบัน ข้อยกเว้นที่จะทำให้เด็กที่เกิดในสหรัฐฯ ไม่ได้รับสัญชาติอเมริกัน คือ การที่เด็กคนนั้นต้องเกิดจากพ่อแม่ที่เป็นนักการทูตต่างชาติ แต่เมื่อมีคำสั่งของทรัมป์ฉบับนี้ ทำให้หลายคนกังวลว่า "สิทธิในการได้รับสัญชาติโดยการเกิด" กำลังจะหมดไปหรือไม่ และคำสั่งนี้ปฏิบัติได้จริงมากน้อยแค่ไหน
นักกฎหมายส่วนหนึ่ง มองว่า การยุติสิทธิดังกล่าวอาจจะสามารถทำได้ แต่ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น และที่สำคัญ คือ ไม่สามารถทำผ่านคำสั่งฝ่ายบริหารได้แน่ๆ เพราะสิทธินี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญ แต่ความพยายามของทรัมป์ในครั้งนี้อาจมีผลในการกดดันให้ศาลตีความสิทธิดังกล่าวใหม่ หรืออาจจะทำเพื่อเปลี่ยนมุมมองของชาวอเมริกันในประเทศต่อประเด็นนี้ก็เป็นได้
ปัจจุบัน มีอัยการยื่นฟ้องเพื่อหวังขัดขวางคำสั่งนี้แล้วในอย่างน้อย 22 รัฐทั่วประเทศ และไม่ว่าทรัมป์จะมีแผนในเรื่องนี้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือ การเปลี่ยนแปลงใดๆ ในเรื่องข้อกฎหมายน่าจะต้องใช้เวลานานพอสมควรเลยทีเดียว
และนี่แค่คำสั่งฉบับเดียวก็เป็นประเด็นให้มีเรื่องฟ้องร้องกันตั้งแต่วันแรก ที่ทำงานแล้ว ไม่รู้ว่าอีก 4 ปี จะมีคดีความตามมาอีกมากมายแค่ไหน
อ่านข่าว :
สหรัฐฯ ยอมรับแค่ 2 เพศ "ทรัมป์" ยกเลิกใช้ "X" บนเอกสารราชการ
ทรัมป์อยากซื้อ "กรีนแลนด์" เดิมพันใหญ่ยุทธศาสตร์-เศรษฐกิจอาร์กติก