กรณีพบการวางกับดักระเบิด "ลวดสะดุด" บริเวณทางเดินขึ้นภูเขาเส้นทางตรวจป่า ในพื้นที่ ม.12 ป่าบ้านปลายพุ ป่าหลังเขาทัง ต.ละอาย อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช
วันนี้ (13 ม.ค.2568) หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าตรวจสอบเก็บกู้ระเบิดเส้นทางเดินป่า หลังผู้ใหญ่ได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่า ขณะเข้าไปทำสวนในพื้นที่บ้านป่าปลายพุ-ป่าหลังเขาทัง พบกับระเบิดถูกวางไว้ในเส้นทาง จึงประสานไปยังพนักงานสอบสวนในพื้นที่
เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถจักรยานยนต์เดินทางเข้าไปในพื้นที่ จุดเกิดเหตุเป็นแนวสวนไม้ผล และสวนยางพารา ใกล้แนวป่าเขตอุทยานแห่งชาติ และเขตป่าสงวนแห่งชาติ พบว่าจุดวางกับระเบิดเป็นแนวหลังขอนไม้ล้มทางคนเดิน และเป็นจุดที่เดินข้ามขอนไม้พอดี เจ้าหน้าที่จึงทำการเก็บกู้ไว้ได้โดยปลอดภัย
เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี)เก็บกู้ระเบิดชนิด M 67
ร.ต.อ.ประยงค์ ช่วยชู รองสารวัตรสรรพาวุธ ระบุว่า ระเบิดที่ผู้ก่อเหตุใช้เป็นชนิดเอ็ม 67 ผูกติดกับท่อนไม้ง่ามที่ถูกปักไว้ในดินลึกประมาณ 6 นิ้ว ผูกระเบิดและโยงสลักด้วยลวดไปยึดกับท่อนไม้อีกท่อน เป็นลักษณะที่เรียกว่า " ลวดสะดุด " หากผู้ที่เดินผ่านแล้วเหยียบลวด ลวดจะดึงสลักระเบิดออก แล้วกลไกกระเดื่องจะทำงานจะเกิดระเบิดทันที เป็นการวางเพื่อสังหาร
โดยกรณีนี้หากเป็นระเบิดเก่าจะสามารถใช้ดุลพินิจทำลายได้ แต่กรณีนี้เป็นคดีความที่ พนักงานสอบสวนต้องดำเนินการ จึงต้องเก็บกู้ไว้ตามขั้นตอน
จากการรวบรวมข้อมูล เจ้าหน้าที่พบว่าจุดเกิดเหตุเป็นเส้นทางเดินเท้า จะมีเจ้าหน้าที่สายตรวจของกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ใช้เป็นเส้นทางเดินเข้าป่าเพื่อสำรวจรักษาพื้นที่ป่าตามวงรอบ รวมถึงเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านเข้าไปหาของป่า จึงสันนิษฐานว่า มีผู้ก่อเหตุในพื้นที่บางคน โกรธแค้นกับเจ้าหน้าที่จึงวางกับดักหมายเอาชีวิตก็เป็นได้
ยันปมขัดแย้งส่วนตัวสวนผลไม้-ไม่เกี่ยวอุทยาน
ด้านนายหฤษฎ์ชัย ฤทธิช่วย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาหลวง รายงานมาที่นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช หลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า พื้นที่เกิดเหตุ บริเวณบ้านป่าปลายพุก-ป่าหลังเขาทัง หมู่ที่ 12 ต.ละอาย อ.ฉวาง อยู่แนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวง แต่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่การสำรวจครอบครองตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562 และอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวง
เบื้องต้นสรุปว่า ชาวบ้านเจ้าของสวนผลไม้ 2 แปลง เกิดความขัดแย้งภายใน และไม่มีวัตถุประสงค์ทำร้ายเจ้าหน้าที่ และไม่อยู่ในเส้นทางการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่อุทยาน