วันนี้ ( 3 ม.ค.2568) เว็บไซต์ "ฮั่วเซ่งเฮง" ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา ราคาทองคำซื้อขายวันแรกของปีปรับตัวขึ้นแรงทำจุดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ซึ่งมีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของนโยบายทรัมป์ 2.0 เกี่ยวกับนโยบายกีดกันการค้าของทรัมป์ ที่ทำให้มีแนวโน้มเกิดสงครามการค้า ที่อาจส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ถึงแม้ว่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าก็ตาม จากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ต่ำกว่าตลาดคาด ส่วนกองทุน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม
ทั้งนี้ราคาทองคำโลกในปี 2567 ได้ปรับตัวขึ้นทำ All-Time high ที่ 2,790 ดอลลาร์ ซึ่งสามารถทำผลตอบแทนมากถึง 35% ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศปรับตัวขึ้นไปกว่า 32.4% ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ มากกว่าช่วงเกิดวิกฤติต่างๆ ได้แก่ ช่วงการเกิด Global Financial Crisis การเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน
อย่างไรก็ตามราคาทองคำมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นระยะสั้น ราคาทองตลาดโลกแนวรับ : 2,640 และ 2,620 ดอลลาร์แนวต้าน : 2,670 และ 2,680 ดอลลาร์เกิดสัญญาณซื้อ หากเปิดสถานะซื้อไว้ให้ Let Profit Run และสามารถเข้าซื้อบริเวณ 2,640 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,630 ดอลลาร์
ส่วนราคาทองคำแท่ง 96.5% ราคาทองคำแท่งมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ต่อ และอาจไปยืนเหนือบริเวณ 43,000 บาทได้สักระยะหนึ่ง หากมีการเข้าซื้อทองคำไว้ แนะนำLet Profit Run คือเป็นกลยุทธ์ที่มห้กำไรทำงานต่อไปเรื่อยๆ
สำหรับราคาทองคำเปิดตลาด บวก 550 บาท (ปรับครั้งที่2) ส่งผลให้ราคาทองคำแท่งขายออกบาทละ 43,250 บาท และราคาทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 43,150 บาท ราคาทองรูปพรรณขายออกบาทละ 43,750 บาท และราคาทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 42,732.20 บาท ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) อยู่ที่ 2,657 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ณ อัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 34.41 บาทต่อดอลลาร์
ราคาทองรูปพรรณรวมค่ากำเหน็จ 500 บาท มีราคาดังนี้ ทองครึ่งสลึง ราคาขาย 5,906 บาท ทอง 1 สลึง ราคาขาย 11,313 บาท ทอง 2 สลึง/50 สตางค์ ราคาขาย 22,125 บาท และทอง 1 บาท ราคาขาย 43,750บาท ภาพรวมราคาทองเดือน ม.ค.2568 บวก 850 บาท
อ่านข่าว:
ราคา “ทองคำ” ปี2568 ยังไปต่อ “รูปพรรณ” ขายออก 43,100 บาท
TDRI ชี้เศรษฐกิจไทยปี68 “ไม่ตายแต่ไม่โต” มรสุมการค้า-สงครามทำโลกปั่นป่วน
จับตาบอนด์ยิลด์สหรัฐฯพุ่ง กรุงศรีฯ คาดเงินบาทซื้อขาย33.75-34.50